วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

The Chosen One

มิมบัรออนไลน์


คุตบะห์วันศุกร์ 10 รอบีอุ้ลเอาวัล 1433 (วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555)


The Chosen One



الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ


لَقَدْ أَرْسَلْنَا رُسُلَنَا بِالْبَيِّنَاتِ وَأَنْزَلْنَا مَعَهُمُ الْكِتَابَ وَالْمِيزَانَ لِيَقُومَ النَّاسُ بِالْقِسْطِ وَأَنْزَلْنَا الْحَدِيدَ فِيهِ بَأْسٌ شَدِيدٌ وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَلِيَعْلَمَ اللَّهُ مَنْ يَنْصُرُهُ وَرُسُلَهُ بِالْغَيْبِ إِنَّ اللَّهَ قَوِيٌّ عَزِيزٌ




ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย


ทุกวันนี้ มนุษย์ต่างดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาของการดำเนินชีวิตในหลายรูปแบบ ทั้งในการดำรงชีวิต ปัญหาทางสังคม วัฒนธรรม รวมไปถึงปัญหาในระดับมหภาคที่ระดับรัฐกำลังแก้ไขปัญหา การวิภาควิจารณ์ การแสดงทัศนคติของผู้คนอย่างหลากหลายทั้งผู้ที่รู้จริงในปัญหาต่างๆ เหล่านั้น กับผู้ที่ติดตาม ตรวจสอบข้อมูล รวมไปถึงประชาชนในระดับรากหญ้าที่มุ่งติดตามความเป็นไปของข้อมูลข่าวสาร ที่หลายๆ ฝ่ายมาให้ข้อมูลหรือออกมาแถลงข่าว โดยใส่ทัศนคติส่วนตนเข้าไปในการให้ข้อมูลต่างๆ นั้นด้วย บางเหตุการณ์ทำให้เกิดการรวมศูนย์แห่งความเกลียดชัง เพียงเพื่อจุดประสงค์ของคนเพียงไม่กี่พวกที่เห็นต่างทางความคิด มีจุดยืนในกลุ่มของตนแสวงหาผู้ที่มีแนวคิดรูปแบบเดียวกันผ่านการสื่อสารมวลชนเพื่อให้คนทั้งหลายได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดพร้อมดึงเข้าเป็นพวก สังคมในปัจจุบัน หากเราไม่รู้จักแยกแยะแล้ว แน่นอนว่าเราจะหลายเป็นเหยื่อ หรือเป็นเครื่องมือของกลุ่มที่ขัดแย้งกันโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือมีความสมัครใจที่จะก้าวเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้ง จึงขอเตือนตนเองและท่านทั้งหลาย จงพิจารณาด้วยสติปัญญา ด้วยจิตที่มีมีความยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ซึ่งพระองค์ได้ทรงใช้ให้เรากระทำอิบาดัรและห้ามมิให้กระทำกระทำในเรื่องราวที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น แม้เพียงเล็กน้อย หรือขาดความยั้บยั้งชั่งใจ ซึ่งเราต้องหนักแน่นในเรื่องราวต่างๆ อย่าปล่อยให้ความเปราะบาง หรือความอ่อนไหวในกระแสธารที่เข้ามายังเราแล้วเราปล่อยตนเองให้ลื่นไหลไปในกระแสธารนั้น โดยมิได้ฉุกคิดด้วยสติปัญญา หรือไตร่ตรองและพินิจพิจารณาถึงคุณค่าของมันรวมไปถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นโดยเราหาได้ทราบถึงข้อมูลเชิงลึกที่มากไปกว่านั้น แล้วเราจะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งแห่งความขัดแย้งของสังคม


ท่านทั้งหลาย


การที่คนๆ หนึ่งไปต่อว่าคนอีกคนหนึ่งโดยที่เขา คนที่ถูกต่อว่าหาได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลที่เขาถูกต่อว่านั้น เป็นเรื่องราวใด ความเสียหายได้พึงบังเกิดขึ้นแล้ว ความผิดในลักษณะนี้ในทางกฎหมายเรียกว่า “หมิ่นประมาท” หรือ “การนินทา” ทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นๆ โดยมีบุคคลที่สามเป็นผู้รับรู้ข้อมูลนั้น และความเสียหายดังกล่าวเป็นความผิดทางกฎหมาย ซึ่งต้องระวางโทษตามข้อบังคับของกฎหมาย หากบุคคลผู้เสียหายเป็นผู้ที่อยู่ในระดับผู้นำของประเทศ แน่นอนว่าระวางโทษจะหนักขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมาย เช่นนี้แล้ว จึงเป็นเรื่องที่เราต้องมาพิจารณาว่า การที่เรารับข้อมูลต่างๆ รอบตัวเรามานั้น การแสดงทัศนะคติ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือการแสดงความคิดเห็นของเราในแต่ละวัน ซึ่งการแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวเป็นการขยายความด้วยข้อมูลที่รับมา หากทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว ผู้ที่เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวย่อมมีความผิดตามนัยแห่งกฎหมายด้วย หากพิจารณากรอบแห่งศาสนบัญญัติแล้ว เรื่องราวดังกล่าว พิจารณาจากโองการจากซูเราะห์ อัลฮุมาซะห์ ( Al-Qur'an, 104.001 (Al-Humaza [The Traducer, The Gossipmonger])) ความว่า


104.001 وَيْلٌ لِكُلِّ هُمَزَةٍ لُمَزَةٍ


104.001 Woe to every (kind of) scandal-monger and-backbiter,


1. ความหายนะจงประสบแด่ทุกผู้นินทาและผู้ใส่ร้ายผู้อื่น


จากโองการที่กล่าวมา มีความชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ที่จะชี้แจงหรือบิดเบือนความผิดของการกระทำดังกล่าวนี้ ซึ่งท่านศาสดา (ซ.ล.) ได้มีแบบฉบับที่เกี่ยวข้องกับการ “พูด” หรือการกล่าววาจาต่อผู้อื่น ในลักษณะของการกล่าวให้ร้าย ด่าทอ หรือให้ร้ายต่อบุพการีของคนอื่น หากคนที่ถูกกระทำไปกล่าวตอบโต้เช่นเดียวกัน คือ ด่าทอ หรือให้ร้ายต่อบุพการีของคนที่กล่าวก่อนแล้ว เช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการที่เขาด่าทอ หรือให้ร้ายต่อบุพการีของตนเอง เช่นนี้ ย่อมมีความผิดที่ไม่แตกต่างกัน เป็นความผิดที่พระองค์ผู้อภิบาล ทรงประทานโองการดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น ขอให้เราทั้งหลาย จงห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงชี้นำนี้ด้วยเถิด เพราะการนินทาและใส่ร้ายผู้อื่น ในปัจจุบันเกิดขึ้นอย่างมากมาย ในทุกๆ สังคม ทุกๆ ชนชั้น และทุกๆ กลุ่ม โดยเฉพาะการนินทาและใส่ร้ายผู้อื่นๆ มันเป็นคำพูดที่สนุกปาก ทำให้กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนทั้งหลายจะใส่ความเห็น ใส่ความเกลียดชังต่อบุคคลที่ถูกกล่าวถึง วิพากษ์วิจารณ์แสดงทัศนคติออกไปอย่างหลากหลาย โดยที่ผู้เสียหายไม่สามารถมาชี้แจงหรือโต้ตอบในเรื่องราวดังกล่าวได้ ซึ่งการนินทาและใส่ร้ายผู้อื่น แตกต่างจากการชื่นชมและให้เกียติต่อบุคคล อย่างสิ้นเชิง ในทางศาสนา การยกยกชื่นชมและให้เกียรติต่อผู้อื่น นั้น เป็นบุคลิกและวัตรปฏิบัติของท่านศาสดา (ซ.ล.) หนึ่ง นอกเหนือจากความสัตย์ที่ท่านได้รับเมื่อครั้งเดินทางไปค้าขายในช่วงวัยหนุ่มของท่าน


การยกย่องชื่นชม และให้เกียรติต่อผู้อื่น เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำ แม้จะกล่าวถึงบุคคลที่สาม แต่ทุกๆ การสรรเสริญและให้เกียรติต่อผู้อื่น การสรรเสริญนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก และบุคคลที่ได้รับการยกย่องชื่นชมและให้เกียรตินั้น เขาพึงปฏิบัติตน และครองตนเองด้วยจิตสำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ การที่เขาได้รับการชื่นชมยกย่องจากผู้คนอื่นๆ นั้น หาใช่ตนเองของเขาไม่ และหาใช่ว่าเขาได้รับปัจจัยต่างๆ ด้วยความสามารถส่วนบุคคลของตัวของเขาเอง ความสามารถของเขาเพียงเท่านั้น ทั้งหมด คือการทดสอบจากพระองค์ เป็นการทดสอบที่พระองค์ใช้เป็นบทประเมิน เพื่อวิเคราะห์ตรวจสอบ เขาคนนั้นว่า เขามีความหนักแน่นมั่นคง ในปัจจัยยังชีพที่เขาได้รับ ในขณะที่เขายังดำรงชีวิตอยู่ในขณะนั้นด้วยหรือไม่ ในวันแห่งการตอบแทนจากพระองค์ เขายังมีสิทธิที่จะได้รับภาคผลตอบแทนอย่างเหมาะสมหรือไม่ หรือการที่เขาได้รับการยกย่องชื่นชม และให้เกียรติจากผู้อื่น นั้น เป็นเพียงการกระหยิ่มยิ้มย่อง หรือเป็นความสามารถของตัวของเขาเอง ไม่ใช่พระประสงค์จากพระองค์ เช่นนี้แล้ว การทดสอบที่หนักกว่าจากพระองค์ในวันแห่งการตอบแทนที่เขาได้รับ นั่นคือสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเขาคนนั้น


ท่านทั้งหลาย


ในบรรดาผู้ที่ได้รับการยกย่องชื่นชม และให้เกียตริจากคนทั้งหลายนั้น สำหรับพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) แล้ว แน่นอนว่ามีบุคคลผู้หนึ่งในบรรดาคนทั้งหลายที่ได้รับเกียรติยศอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งในวันแห่งการตัดสินจากพระองค์ ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถร้องขอจากพระองค์ ที่จะยกเว้นโทษ ลดโทษ หรือประวิงการลงโทษจากพระองค์ ที่ประชาชาติของท่านจะได้รับจากการประพฤติปฏิบัติในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรัก และการให้เกียรติอย่างยิ่งจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรร คัดเลือกบุคคลที่พระองค์ทรงรักและให้เกียรติ ในการปฏิบัติภารกิจการสื่อสารจากพระองค์ ดำเนินชีวิตเฉกเช่นประชาชนธรรดา แต่การดำเนินชีวิตของท่าน บุคลิกและอุปนิสัยส่วนตัวของท่าน แสดงออกถึงภาพลักษณ์ที่ทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะเข้าถึง เป็นแบบฉบับหรือแบบอย่างของการดำเนินชีวิต ที่แสดงออกได้ว่าการปฏิบัติตนทั้งในการตรองตน การครองเรือน การครองผู้ติดตาม และในทางการปกครอง ภาพของนักปกครองที่ครองใจมวลชน ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงาม ทั้งในการตัดสินใจ การเป็นผู้นำในการจัดการเรื่องราวต่างๆ การเป็นผู้บัญชาการรบกับผู้รุกราน ที่ได้ลิ้มรสทั้งชัยชนะที่งดงามและในภาพลักษณ์ของผู้ที่ถูกถล่มอย่างยับเยินในการสงคราม แต่ด้วยวัตรปฏิบัติของท่าน ท่านสามารถครองใจมวลชน ผู้ติดตามของท่าน โดยที่บรรดาเขาเหล่านั้น ต่างรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จนที่เป็นเกรงขามของผู้รุกราน ทั้งนี้ ด้วยการสั่งสมภาพลักษณ์อันงดงามในวัยหนุ่มของท่าน ขณะที่ท่านติดตามลุงของท่านเพื่อการทำการค้าขายยังประเทศชาม ซึ่งในยุคนั้น บรรดาพ่อค้าทั้งหลายที่รอนแรมเดินทางออกไปทำการค้าขายยังดินแดนต่างๆ ต่างมุ่งมั่นที่จะค้าขายหาผลกำไร เพื่อซื้อสินค้าให้ไดมากที่สุดนำไปค้าขายแลกเปลี่ยนยังบ้านเมืองของตน คุณภาพของสินค้า ความซื่อสัตย์และคุณธรรมพื้นฐานของบรรดาพ่อค้าทั้งหลาย นั้นหายากมาก แม้ในปัจจุบันการแข่งขันมีสูง แต่ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ เรื่องของคุณภาพและราคาของสินค้า มักจะผกผันกัน แต่สำหรับท่านแล้ว ความซื่อสัตย์ในการทำหน้าที่ของท่าน การประเมินคุณภาพของสินค้า และการแสวงหากำไรในสินค้าที่ท่านค้าขายอยู่ เป็นหัวใจสำคัญ ของการค้าขาย ท่านได้รับสมญานามที่คนทั้งหลายตั้งไว้ ซึ่งจะแสดงออกให้เห็นถึงบุคลิกลักษณะที่ใช้ในการกล่าวถึงท่านว่า “มูฮัมมัด อัลอามีน” ซึ่งตรงกับบุคลิกของท่านมากที่สุด ความซื่อสัตย์ของท่าน ท่านเป็นผู้ที่คนทั้งหลายให้ความไว้วางใจมากที่สุด เมื่อขบวนคาราวาสินค้าในกลุ่มของท่านเดินทางไปยังที่แห่งใด แน่นอนว่ากลุ่มของท่านมักได้รับความไว้วางใจจากคนในดินแดนนั้น ที่จะเดินมาเลือกหาและซื้อสินค้าจากกลุ่มของท่าน นับว่าขึ้นชื่อในเรื่องของความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง


ท่านทั้งหลาย


การยกย่อง ชื่นชมและให้เกียรติแด่ท่าน เมื่อยามกล่าวถึง “Muhammad Khaira Khalqillah Sallu ‘ala Rasulillah, Habibil Mustafa” เป็นเกียรติยศที่ชนทั้งหลายเปล่งเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญต่อท่าน วัตรปฏิบัติของท่านที่ประชาชาติทั้งหลายดำเนินตาม หาใช่เป็นแนวทางที่มุ่งสู่การข่มขู่หรือใช้ปลายกระบอกปืนพุ่งใส่ เพื่อที่จะเรียกร้องเชิญชวนให้ทุกคนก้าวเข้ามาสู่การเป็นมุสลิม ตรงกันข้าม การเรียกร้องเชิญชวนให้ผู้คนเข้ารับอิสลาม เป็นไปในวงจำกัดในกลุ่มผู้ใกล้ชิด และในเครือญาติ เพื่อที่ให้แต่ละคนได้รู้จักอิสลาม จนในที่สุดขยายวงไปอย่างไม่จำกัดไม่หยุดยั้ง ในทุกๆ ดินแดน ทุกๆ พื้นที่ เช่นในปัจจุบัน หาใช่เป็นการแสวงหาความรุนแรง แต่ตรงกันข้าม หากพิจารณาถึงการดำเนินชีวิต วจนะและแนวทางปฏิบัติที่เรียบง่ายของท่าน คือ สิ่งที่ทำให้ชนทั้งหลายเข้ามาดำเนินชีวิตในแบบฉบับของท่านและแนวทางแห่งอัลอิสลาม ขอให้พิจารณาโองการจากซูเราะห์ Al-Qur'an, 057.025 (Al-Hadid [The Iron]) ความว่า



057.025 لَقَدْ أَرْسَلْنَا رُسُلَنَا بِالْبَيِّنَاتِ وَأَنْزَلْنَا مَعَهُمُ الْكِتَابَ وَالْمِيزَانَ لِيَقُومَ النَّاسُ بِالْقِسْطِ وَأَنْزَلْنَا الْحَدِيدَ فِيهِ بَأْسٌ شَدِيدٌ وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَلِيَعْلَمَ اللَّهُ مَنْ يَنْصُرُهُ وَرُسُلَهُ بِالْغَيْبِ إِنَّ اللَّهَ قَوِيٌّ عَزِيزٌ


057.025 We sent aforetime our messengers with Clear Signs and sent down with them the Book and the Balance (of Right and Wrong), that men may stand forth in justice; and We sent down Iron, in which is (material for) mighty war, as well as many benefits for mankind, that Allah may test who it is that will help, Unseen, Him and His messengers: For Allah is Full of Strength, Exalted in Might (and able to enforce His Will).


25. โดยแน่นอนเราได้ส่งบรรดาร่อซูลของเราพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้งและเราได้ประทานคัมภีร์และความยุติธรรมลงมาพร้อมกับพวกเขาเพื่อมนุษย์จะได้ดำรงอยู่บนความเที่ยงธรรม (เราได้ส่งบรรดาร่อซูลของเรามาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งและสิ่งปาฏิหาริย์ที่ชัดเจนและเราได้ประทานคัมภีร์ลงมาพร้อมกับพวกเขา ซึ่งในคัมภีร์นั้น ๆ นำความสุขมาสู่มนุษยชาติ และเราได้ประทานความยุติธรรมหรือตราชูมาพร้อมกับพวกเขาเพื่อให้มนุษย์ดำรงอยู่บนความเที่ยงธรรมในการปฏิบัติซึ่งกันและกัน) และเราได้ให้มีเหล็กขึ้นมา เพราะในนั้นมีความแข็งแกร่งมาก และมีประโยชน์มากหลายสำหรับมนุษย์ และเพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงรู้ถึงผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ (มีความเชื่อมั่น) โดยทางลับ (ต่อพระองค์) แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ (และเราได้ประทานเหล็กมาหมายถึงให้มีเหล็กขึ้นมา เพราะเหล็กนั้นมีความแข็งแกร่งเพื่อใช้ในการทำอาวุธสงครามและมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายในเรื่องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนัก ตามที่อัลลอฮฺ ตะอาลาได้ทรงประทานสิ่งต่าง ๆ ลงมานั้นก็เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงรู้ว่าใครบ้างที่ได้ช่วยเหลือสนับสนุนพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ด้วยการต่อสู้ดิ้นรนและการยืนหยัดเคียงข้างกับพวกเขาในขณะที่พวกเขาทำหน้าที่ได้นำหน้าเผยแผ่ศาสนาของพระเจ้าของพวกเขาโดยทางลับ หมายถึงว่าพวกเขามิได้เห็นอัลลอฮฺ ตะอาลา ด้วยสายตาของพวกเขา พระองค์เป็นผู้ทรงพลังไม่ทรงต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใด จากปวงบ่าวของพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ)


จะเห็นว่า พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงคัดเลือก และแต่งตั้งศาสนทูต เพื่อประกาศศาสนาของพระองค์ ในประชาติต่างๆ เพื่อให้ทุกคนพิจารณา แล้วปฏิบัติตามข้อห้ามและข้อใช้ตามบัญญัติที่พระองค์กำหนด โดยบรรดาศาสนทูตเหล่านั้น เป็นผู้หนึ่งที่นำสารจากพระองค์มายังมวลชนทั้งหลาย เพื่อปฏิบัติศาสนกิจต่อพระองค์ด้วยความยำเกรงต่อพระองค์ บรรดาศาสนทูตจากพระองค์ แม้ว่าพระองค์จะทรงทดสอบ ตรวจสอบเขาเหล่านั้น แต่ด้วยความอดทน ยึดมั่นในพระองค์ แน่นอนว่า ชัยชนะที่พระองค์กำหนดไว้สำหรับเขาและประชาชาติของเขา คือ สัญญาที่พระองค์ทรงมีไว้สำหรับทุกคน และสัญญาของพระองค์นั้น จะตอบแทนแก่ทุกคนในวันแห่งการตัดสิน เช่นเดียวกับประชาชาติในยุคของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ที่พระองค์ทรงให้เกียรติและทรงตอบรับคำขอของท่านศาสดาในวันแห่งการตัดสิน ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มชนแห่งประชาชาติที่มีมาก่อนหน้านี้


ท่านทั้งหลาย


การปฏิบัติตนของเรา ผลลัพธ์ที่เราพึงได้รับ หรือรางวัลและการลงโทษ จะปรากฏกับเราเมื่อมีการตัดสิน แน่นอนว่า แต่ละคนต่างมุ่งที่จะได้รับรางวัล ไม่ต้องการการถูกลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น การดิ้นรนเพื่อให้ตนเป็นผู้ชนะในวันแห่งการตัดสิน จึงเป็นจุดมุ่งหมายของทุกๆ คนที่จะดำเนินชีวิตไปให้ถึงที่หมายในวันนั้น แน่นอนว่า พยานที่สำคัญ ประจักษ์พยานในวัตรปฏิบัติของเรา จะเป็นผู้ที่กล่าวถึงเราในพฤติกรรมทั้งหลายที่เราได้กระทำลงไป ซึ่งท่านศาสดา (ซ.ล.) ได้กล่าวถึงพยานที่สำคัญในวันดังกล่าว ดังอัลฮาดีส ความว่า


The Prophet said, "Whoever guarantees me (the chastity of) what is between his legs (i.e. his private parts), and what is between his jaws (i.e., his tongue), I guarantee him Paradise." Narrated by : Sahl bin Sad Source : Sahih Al-Bukhari 8.799



จะเห็นได้ว่า บุคคลที่พระองค์ทรงยกย่องและให้เกียรติอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่ทรงคัดเลือกและเลือกสรรเพื่อที่ผู้คนทั้งหลายจะดำเนินชีวิตไปตามแนวทาง วัตรปฏิบัติ และแนวปฏิบัติที่ยอดเยี่ยมชัดเจน เพื่อความสันติสุขของสังคมในภาพรวม และในชุมชนสังคมโลก ซึ่ง หากเราแต่ละคนนำแนวปฏิบัติของท่านมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของเรา สังคมโดยรวมจะประสบสันติสุขอย่างแน่นอน




إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا


رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ


إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ


سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ


وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ


وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ


วัสสลาม


มูฮำหมัด สันประเสริฐ


10 รอบีอุ้ลเอาวัล 1433



อ้างอิง


อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com


อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น