วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

มูลค่าของสินทรัพย์

มิมบัรออนไลน์
คุตบะห์วันศุกร์ 23 ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433 (วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2555)

มูลค่าของสินทรัพย์

الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
لَنْ تَنَالُوا الْبِرَّ حَتَّى تُنْفِقُوا مِمَّا تُحِبُّونَ وَمَا تُنْفِقُوا مِنْ شَيْءٍ فَإِنَّ اللَّهَ بِهِ عَلِيمٌ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
หากเราจะพิจารณาถึงมูลค่า หรือคุณค่า
ในตัวมนุษย์ด้วยกันนั้น เราใช้หลักเกณฑ์ใดเป็นตัวพิจารณา ในแต่ละมุมมอง จะพิจารณาถึงตัวกำหนดที่หลากหลาย
เป็นไปตามประสบการณ์ของแต่ละท่านที่จะบ่งบอกถึงมูลค่าของเขาเหล่านั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่สังคมพิจารณากัน นั่นคือ ผลงานของเขา
ผลการปฏิบัติงานของเขาทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ กระนั้นก็ตาม
ผลงานในเชิงคุณธรรมและจริยธรรม ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งถึงคุณค่าในตัวบุคคลได้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งผลงานในเชิงคุณธรรมและจริยธรรมจะเกี่ยวพันกับผลการปฏิบัติงานทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ
ซึ่งอนุมานได้ว่า คุณค่าในตัวบุคคล และการวัดผลงานในตัวบุคคลนั้น สามารถตีค่าหรือประเมินค่าออกมาเป็นตัววัด
ที่หลายๆ ภาคส่วนนิยมใช้เป็นข้อกำหนดในการประเมินผล แต่กระนั้นก็ตาม
ตัววัดของมนุษย์มักจะเอนเอียงไปบ้างตามโลกทัศน์ของผู้ประเมิน
ซึ่งหาใช่เป็นความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ
หากแต่แฝงเร้นไปด้วยคติส่วนตัวและค่านิยมส่วนตัวของมนุษย์และมาตรฐานรวมถึงมาตรการที่ใช้ในการประเมินสิ่งเหล่านั้น
จึงขอเตือนตนเองและท่านทั้งหลาย ณ ที่นี้
จงพิจารณาถึงมูลค่าของตัวตน มูลค่าของตัวเรา เป็นมูลค่าที่ต้องถูกสอบสวนในทุกๆ
ด้าน ตามมาตรฐานที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงกำหนด เป็นมาตรฐานเดียวที่จะบ่งบอกได้ว่า
เราหรือเขาคนนั้น จะได้รับความเมตตาจากพระองค์มากน้อยเพียงใดในวันแห่งการตัดสิน
แน่นอนว่า หลายๆ คน ยังมองข้ามความสำคัญในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องราวเหล่านี้
เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งสำหรับพระองค์ วันนี้การปฏิบัติตนของเราอยู่ในกรอบ กติกา
และมารยาท ที่พระองค์ทรงกำหนดไว้หรือไม่ ทั้งในเรื่องที่พระองค์ทรงใช้ให้กระทำ
เรื่องที่พระองค์ทรงห้ามการกระทำเหล่านั้น อีกทั้งการล่วงละเมิดผู้อื่น
ทั้งในทางกาย วาจา รวมถึงจิตใจ นั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ยังมีอยู่หรือไม่ ดังนั้น
วันนี้มนุษย์สามารถตีค่าหรือประเมินตนเองได้ เพียงตามประสบการณ์ที่เขาพบมา หรือเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้สัมผัส
เพื่อตอบสนองเพียงว่า มนุษย์นั้นตีค่าหรือประเมินค่า
เพียงเท่าที่เขารับรู้เท่านั้น
ในส่วนที่เขาไม่มีความสามารถในการรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น
เขาไม่สามารถตีค่าหรือประเมินค่าในเรื่องราวเหล่านั้น ได้เลย
ท่านทั้งหลาย
มูลค่าในรูปตัวเงิน ทรัพย์สิน
หรือสินทรัพย์ต่างๆ ที่มนุษย์ถือครองอยู่นั้น ตีค่าหรือประเมินค่าได้อย่างไร
หากพิจารณามูลค่าของ “เงิน” ที่เราทั้งหลายถือครองอยู่นั้น มีมูลค่าอย่างไร หลายๆ
คนกังวลว่า “มูลค่า” ของมันนั้น ใช้สิ่งใดเป็นมาตรฐานในการกำหนด
หากพิจารณาในเชิงเศรษฐศาสตร์การเงินแล้ว จะเห็นว่า เงินทั้งหลายนั้น ค่าของมัน
อยู่ที่การหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ มูลค่าของมันสามารถขึ้นลงได้ตามอัตราแลกเปลี่ยน
และจากการประเมินค่าของสถาบันมาตรฐานทางการเงิน ที่พิจารณาถึง “ทุนรักษาระดับเงินตรา”
และมาตรฐานทองคำของประเทศเหล่านั้น อีกทั้งพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือหรือเครดิตของประเทศ
เป็นค่าที่ใช้ในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ทั้งนี้
มีตัวแปรหลายๆ ตัวที่ใช้ในการกำหนด “มูลค่า” ของมัน ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ย อัตราการว่างงาน รายได้ประชาชาติ และผลผลิตมวลรวมของประเทศ
และสิ่งหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย นั่นคือ ช่วงเวลา “ยุค”หรือ ระยะเวลาที่ใช้พิจารณามูลค่าของมัน
ในส่วนของภาคประชาชน เราสังเกตถึงมูลค่าของเงินนั้น
โดยการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน เมื่อใดก็ตามที่สินค้าและบริการมีอัตราสูงขึ้น
แน่นอนว่า มุลค่าของเงินที่เราถืออยู่ในมือจะมีค่าลดลงหากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้
แต่ในบางสินค้า มูลค่าของวันจะเคลื่อนไหวไปตามสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ
ฤดูกาลของสินค้า
รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งอุปสงค์และอุปทานในสินค้าเหล่านั้น
ท่านทั้งหลาย
“เงิน”
ที่เราถืออยู่ในมือของเรา เราสามารถล่วงรู้ถึงคุณค่าของมันก็ต่อเมื่อเราได้ใช้สอยมัน
หรือทำให้มันเกิดการหมุนเวียนในทางเศรฐกิจ แต่ทั้งนี้ เราต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ
ด้วย เป็นต้นว่า คนที่ถือ “เงิน” เหล่านั้น เป็นใคร และความพึงพอใจใน “เงิน”
เหล่านั้นด้วย ตลอดจน ความพึงพอใจในการใช้ “เงิน” เหล่านั้นแล้ว เขาแสดงออกอย่างไร
เมื่อเขาได้นำ “เงิน” เหล่านั้น ให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จะเห็นว่า “เงิน”
ก้อนหนึ่งในมือของผู้มีอันจะกิน กับ “เงิน” ที่มี “มูลค่า”
เดียวกันในมือของผู้ยากไร้ คุณค่าของมันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เงินในมือของผู้มีอันจะกิน อาจถูกใช้ไปได้โดยง่ายไม่มีความรู้สึกถึงความเสียดาย
เพราะเมื่อหมดไป เขาก็สามารถนำเงินที่ได้จากแหล่งอื่นๆ
เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันของเขาโดยไม่รู้สึกว่าเงินเหล่านั้น จะหมดไป
เพราะเขามีความสามารถที่จะนำเงินเหล่านั้นมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ผิดกับเงินในมือของผู้ยากไร้
ดูเหมือนว่าทุกบาททุกสตางค์ของมัน ที่จะหยิบมาใช้สอย ต้องคิดหน้าคิดหลัง ว่า เมื่อใช้เงินเหล่านั้นไปแล้ว
เขาจะเหลือเงินอีกเท่าไร ที่จะจัดหาสินค้าและอาหารในการประดังชีวิตของเขาและครอบครัวในวันต่อไป
ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเพียงพอ
และต่อยอดความพึงพอใจในการดำรงชีพของเขาได้อย่างต่อเนื่อง ท่านศาสดา (ซ.ล.) จึงได้สร้างแบบฉบับในการแบ่งปันและการเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันในสังคมมุสลิม
เป็นการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างกันในชุมชน ที่ทุกๆ ภาคส่วนนั้น
ต้องเหลียวแลคนที่ด้วยกว่า เพื่อที่จะทำให้สังคมดำเนินไปอย่างเหมาะสม เพียงพอ
การสร้างภราดรภาพระหว่าง “ผู้ให้” กับ “ผู้รับ” จึงเป็นภารกิจที่สำคัญของสังคม
เพื่อที่จะแบ่งปันความสุข
มากกว่าการแข่งขันกันสะสมทรัพย์สินและสินทรัพย์ในปริมาณที่เพิ่มพูนสูงขึ้น
ในขณะที่สังคมโดยรวมถูกมองข้าม หรือละเลย
ละทิ้งให้เขาเหล่านั้นต้องมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำเตี้ย ขณะที่อีกส่วนหนึ่งในสังคมอยู่ในภาวะแห่งการแข่งขันและทะยานก้าวไปไต่ระดับความสูงขึ้นทุกๆ
วัน ขอให้พิจารณาโองการจากซูเราะห์ อาลิอิมรอน Al-Qur'an,
003.092 (Aal-E-Imran [The Family of Imran]) ความว่า
003.092 لَنْ تَنَالُوا الْبِرَّ حَتَّى تُنْفِقُوا مِمَّا تُحِبُّونَ وَمَا تُنْفِقُوا مِنْ شَيْءٍ فَإِنَّ اللَّهَ بِهِ عَلِيمٌ
003.092 By no means shall ye attain righteousness unless ye give
(freely) of that which ye love; and whatever ye give, of a truth Allah knoweth
it well.
92. พวกเจ้าจะไม่ได้คุณธรรมเลยจนกว่าพวกเจ้าจะบริจาคจากสิ่งที่พวกเจ้าชอบ
และสิ่งใดที่พวกเจ้าบริจาคไป แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ในสิ่งนั้นดี
จากอายะห์ที่ได้หยิบยกมา จะเห็นถึง
คุณค่าและความสำคัญของการ “แบ่งปัน” และ “มูลค่า” ที่เพิ่มขึ้นในสรรพสิ่งที่เรา “ให้”
กับกลุ่มชนที่อยู่ในขอบข่ายสมควรได้รับ และมูลค่าแห่งทรัพย์สินดังกล่าวนั้น ย่อมเป็นที่ประจักษ์
ณ พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) เพราะการ “ให้ เพื่อให้” นั้น
เป็นการให้ที่เพิ่มพูนคุณค่าและความสำคัญในทรัพย์สินเหล่านั้น มากกว่า
การให้โดยหวังผลตอบแทนในระยะสั้นๆ ทั้งทางด้านหน้าตา เกียรติยศ และทรัพย์สิน
โดยเฉพาะเกียรติยศที่ได้รับภายหลังจากการให้ จะเห็นว่า สิ่งเหล่านั้น
เป็นเพียงภาพฉาบฉวย ที่สังคมปรุงแต่งให้เห็น เป็นเพียงมายาภาพ
ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเสียดายในทรัพย์สินเหล่านั้น มูลค่าของมันจึงได้สะท้อนเพียง
มายาที่สังคมมอบให้ แต่ ณ พระองค์แล้ว มูลค่าของมันหาได้นำพาเขาเหล่านั้นได้เข้าไปใกล้ชิดกับพระองค์
ซึ่งตรงกันข้าม มายาคติที่แฝงมากับความเสียดายของเขา
นำเขาก้าวเข้าไปใกล้ชิดกับไฟนรกที่พระองค์จะมอบหมายให้กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงกริ้วและบรรดาผู้ที่โออวดตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ที่สะสมทรัพย์สิน จนมองข้ามความยำเกรงสำหรับพระองค์
ท่านทั้งหลาย
ในส่วนของ “ผู้รับ” แม้ว่า
การได้มาซึ่งทรัพย์สิน หรือสินทรัพย์จากผู้ที่ “ออกซากาต”
ซึ่งถือเป็นหน้าที่ตามศาสนบัญญัติที่ผู้ที่อยู่ในข่ายที่ต้องออกซากาตต้องกระทำหน้าที่ของตนเองก็ตาม
แต่สำหรับผู้มีสิทธิในทรัพย์ซากาตเหล่านั้น เมื่อเขาได้รับแบ่งปันสินทรัพย์เหล่านั้นมาแล้ว
ใช่ว่าการใช้ทรัพย์สินเหล่านั้นอย่างไม่ “บันยะบันยัง” อย่างละโมภ โดยปราศจากความละอาย
เพราะความที่เขาไม่ได้ใกล้ชิดกับสิ่งเหล่านั้นมานาน หรือรอคอยมานาน
แต่เขาเหล่านั้น ต้องพิจารณาถึง คุณค่า ความพึงพอใจ และความคาดหวังในทรัพย์สินเหล่านั้น
ซึ่งอาจพิจารณาถึงช่วงหนึ่งของชีวิต ความยากแร้นแสนเข็ญที่เขาได้ประสบมา
รวมถึงการใช้อย่างระมัดระวัง และเขาพึงสำนึกอยู่เสมอว่า
เขาต้องไม่อยู่ในสถานภาพของผู้รับตลอดไป สักวันหนึ่งเขาต้องพลิกกลับเป็น “ผู้ให้”
บ้าง และการบริโภคสินทรัพย์ต่างๆ เหล่านั้น เขาพึงบริโภดตามความพึงพอใจของเขาอย่างเหมาะสมเพียงใด
มีของเหลือบ้างหรือไม่ และเขาจัดการกับของเหลือเหล่านั้นอย่างไร
ขอให้พิจารณาถึงสภาพของผู้ที่หิวโซ
ตราบเมื่อเขาได้มีโอกาสได้บริโภคอาหารมื้อแรกภายหลังความหิวโซนั้น
อาหารที่เขาได้รับ อาหารที่เขาได้บริโภค อาหารที่เหลือทิ้ง และอาหารที่เขาจะจัดเก็บไว้บริโภคในวันหลังจากนั้น
เขาจัดการกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น อย่างไร มูลค่าของสิ่งเหล่านั้น
หากมองในชิงปริมาณแล้ว อาจน้อยนิด หรือเทียบไม่ได้กับมูลค่าของการบริโภคของอัครมหาเศรษฐีที่รับประทานอาหาร ในร้านอาหารเลิศหรู
รวมถึงสิ่งที่เหลือกินเหลือใช้ของเขาเหล่านั้น แต่สำหรับในบรรดา “ผู้รับ”
สิ่งที่เหลือกินเหลือทิ้ง นั้น มันไม่ต่างกันกับบรรดาเศรษฐีก็ตาม
แต่มูลค่าของการทิ้งขว้างสิ่งเหล่านั้น คือ
สิ่งที่จะตอบโจทย์ความยำเกรงต่อพระองค์ในวันแห่งการตอบแทน
เพราะเมื่อใดก็ตามการทิ้งปัจจัยแห่งริสกีจากพระองค์ แน่นอนว่า
เขาปฏิเสธความปรารถนาดีของพระองค์ ทั้งๆ ที่พระองค์ได้ให้เขาแล้ว
แต่เขาปฏิเสธด้วยการเหลือทั้งขว้าง และนั่นคือ สิ่งที่จะสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่า “มูลค่า”
ของมัน เมื่อยามที่เรา ขัดสน


إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
والسَلامٌ
มูฮำหมัด
สันประเสริฐ
23
ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433

อ้างอิง
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ
ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com
อัลฮาดีซ :
Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

อาหารการกินของผู้ศรัทธา

มิมบัรออนไลน์
คุตบะห์วันศุกร์ 16 ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433 (วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555)

อาหารการกิน ของผู้ศรัทธา
الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
يَا أَيُّهَا النَّاسُ كُلُوا مِمَّا فِي الأرْضِ حَلالا طَيِّبًا وَلا تَتَّبِعُوا خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ إِنَّهُ لَكُمْ عَدُوٌّ مُبِينٌ
يَا قَوْمِ ادْخُلُوا الأرْضَ الْمُقَدَّسَةَ الَّتِي كَتَبَ اللَّهُ لَكُمْ وَلا تَرْتَدُّوا عَلَى أَدْبَارِكُمْ فَتَنْقَلِبُوا خَاسِرِينَ
فَمَنْ تَابَ مِنْ بَعْدِ ظُلْمِهِ وَأَصْلَحَ فَإِنَّ اللَّهَ يَتُوبُ عَلَيْهِ إِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ช่วงเวลานี้
เป็นช่วงที่เราทั้งหลายต่างมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้ทันกับเวลา ทันต่อเป้าหมายของงาน
ซึ่งเป็นเป้าหมายขององค์กรที่ได้กำหนดไว้ ความเร่งรีบ การตรวจสอบความถูกต้องของงาน
มักจะเดินสวนทางกัน แต่ถึงกระนั้น เราทั้งหลาย ก็ต้องหมั่นตรวจสอบผลงาน
ตรวจสอบความถูกต้อง และตรวจสอบพฤติกรรมการทำงานของเราเพื่อให้เกิดความถูกต้อง
แน่นอน และมีความรับผิดชอบต่อผลงานให้เป็นที่ประจักษ์
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของงาน คุณภาพขององค์กร ที่หลายๆ ภาคส่วนมุ่งมั่นใส่ใจถึงการที่จะมีเกียรติบัตรรับรองความมีมาตรฐานสากล
เพื่อเป็นการรองรับความน่าเชื่อถือขององค์กร ดังนั้น จึงขอเตือนตนเองและท่านทั้งหลาย
จงใส่ใจในการตรวจสอบตนเอง การรับรองตนเองในเรื่องของมาตรฐานการเป็นมุสลิมในทุกๆ
แง่มุม ทุกๆ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ เพื่อที่เราจะได้เป็นมุสลิมที่มีคุณภาพ
ตามแบบแผนที่ท่านศาสดาได้กระทำเป็นแบบฉบับไว้
หาใช่เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งในความเป็นมุสลิม หากแต่ว่าในทุกๆ เรื่อง
ต่างมีแง่คิดในการกระทำหรือละเว้นการกระทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิจารณาเลือกสรรอาหารการกิน แน่นอนว่า ต้องความมั่นใจในการเลือกสรร
การตรวจสอบตราผลิตภัณฑ์ สารอาหารตามที่ปรากฎบนฉลาก
มาตรฐานรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน มาตรฐานของสินค้าเหล่านั้น มีการรับรองจากสถาบันทางศาสนาที่จะออกตรารับรองฮาล้าล
หรือไม่
ท่านทั้งหลาย
ยามที่อากาศร้อนเช่นนี้
ในภาวะที่โลกกำลังประสบกับภัยพิบัติอันเนื่องจาก “ปรากฏการณ์เรือนกระจก”
อันเป็นผลให้เกิดภัยพิบัติทั้งวาตะภัย อุทกภัย ดินถล่ม ไปจนถึงอัคคีภัย
ซึ่งเป็นพิบัติภัยที่ทำให้เกิดความน่าสะพึงกลัวต่อมวลประชาชาติทั้งหลายในอันที่จะต้องหาทางป้องกัน
ปัดเป่าภัยพิบัติเหล่านี้ ให้ลดความน่ากลัวลง
แม้ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะประสบกับภัยพิบัติต่างๆ เหล่านั้น จะเห็นได้ว่า
ภัยพิบัติต่างๆ ล้วนเป็นการทดสอบชองพระองค์ ต่อการที่เหล่าประชาชาติทั้งหลายจะยำเกรงต่อพระองค์
เชื่อฟังต่อประองค์ และยึดมั่นปฏิบัติศาสนกิจเพื่อประองค์มากน้อยเพียงใด
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความจริงหนึ่งของวันสุดท้ายของโลกที่จะมาถึงในไม่ช้า
เป็นการเตือนล่วงหน้าจากหลายๆ เหตุการณ์ ที่ผ่านพ้นมา จะเห็นว่า
มนุษย์ยังไม่สำนึกถึงกระแสความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ประหนึ่งว่า ความเฉื่อยฉา
ความไม่กระตือรือร้นที่จะตรวจสอบพิจารณาตนเอง สุดท้ายแล้วมนุษย์
จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้แม้ว่าผลกรรมเหล่านั้น
จะถูกถ่วงเวลาในช่วงอายุขัยของเขา แต่เลยผ่านไปยังรุ่นลูกหลานของเขา ดังเช่น
ปรากฎการณ์เรือนกระจกที่ใช้เวลาบ่มเพาะมากว่า 10 ปี สะท้อนให้เห็นได้ว่า
การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ เราละเลยตนเอง
ละเลยความน่าสะพึงกลัวเหล่านี้ ด้วยภาพแห่งความสุข ภาพแห่งกาลเวลาที่ฉายฉวยไปด้วยควาบันเทิง
ตามอารมณ์และความสุข โดยมองข้ามความคิด ความคาดหวังที่ว่าในวันหนึ่งหลังจากนั้น
ทุกๆ ภาคส่วนต้องประสบกับผลกรรมตามที่ตนเองได้กระทำไว้ในช่วงหนึ่งของชีวิต
แน่นอนว่า มนุษย์ยังมองข้ามความสำคัญของเรื่องนี้
ท่านทั้งหลาย
ในช่วงหน้าแล้ง เป็นช่วงที่จุลินทรีย์
หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เราไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ มีประสิทธิภาพในการแพร่ขยายพันธ์ค่อนข้างสูงยิ่ง
เราสังเกตุได้จากอาหารที่เราทิ้งไว้ไม่นาน อาจบูดเน่าได้ง่าย ด้วยเหตุนี้
ทางราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงรณรงค์กันอย่างกว้างขวางและแพร่หลายตามสื่อสารมวลชนต่างๆ
เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย การป้องกันที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสุขอนามัยของทุกๆ คน
ดังนั้น การตรวจตรา การให้ความมั่นใจต่อการเลือกสรร
จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดรองลงมาจากความมั่นใจที่จะบริโภคอาหารเหล่านั้น
ลองพิจารณาโองการจากซูเราะห์ อัลบ้ากอเราะห์ Al-Qur'an,
002.168 (Al-Baqara [The Cow]) ความว่า
002.168 يَا أَيُّهَا النَّاسُ كُلُوا مِمَّا فِي الأرْضِ حَلالا طَيِّبًا وَلا تَتَّبِعُوا خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ إِنَّهُ لَكُمْ عَدُوٌّ مُبِينٌ
002.168 O ye people! Eat of what is on earth, Lawful and good; and
do not follow the footsteps of the evil one, for he is to you an avowed enemy.
168. มนุษย์เอ๋ย! จงบริโภคสิ่งอนุมัติที่ดี ๆ
จากสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และจงอย่าตามบรรดาก้าวเดินของชัยฏอน แท้จริงมันคือศัตรูที่ชัดแจ้งของพวกเจ้า
อาหารการกิน สำหรับบรรดามุสลิมแล้ว
เราต้องใช้การไตร่ตรองเลือกสรรให้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะเรามีข้อจำกัดของการเลือกอาหารการกินอยู่แล้ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเลือกอาหารการกินของเรา เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
เปรียบเสมือนว่าเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาด้วยซ้ำ จะเห็นว่า
ในสังคมเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า “มุสลิม คือ กลุ่มชนที่ไม่กินหมู”
แต่สำหรับมุสลิมแล้ว การเลือกที่จะบริโภคอาหารนั้น
เราต้องมีความพิถีพิถันมากกว่าชนกลุ่มอื่นๆ
นอกจากการพิจารณาตราผลิตภัณฑ์ของสินค้าที่จะบริโภค การมีตรา “อ.ย.” รับรอง แล้ว
ตรารับรอง “ฮาล้าล” จึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญก่อนการบริโภคในอาหารหรือสินค้าเหล่านั้นด้วย
นอกเหนือไปจากการพิจารณาวันผลิตและวันหมดอายุของสินค้าเหล่านั้น
เพื่อให้เราได้บริโภคสินค้าได้ถูกหลักการและถูกสุขอนามัย ปลอดภัย และมีความสุข จะเห็นได้ว่า
การบริโภคอาหาร เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญ การเลือกที่จะบริโภคภายหลัก “หลักการศรัทธา”
นั้น เราถูกสั่งสอนจนกลายเป็นวัฒนธรรมของมุสลิมไปแล้ว ในรุ่นปู่ย่า ของเรา
โดยเฉพาะในชุมชนมุสลิม บรรพบุรุษของเราล้วนสั่งสอนในเรื่องอาหารการกิน
ที่ปรุงจากคนมุสลิม เราจะเห็นสังคมของมุสลิมชนบท
“ไม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน” นอกจากมีงาน “กินบุญ” ของชุมชนมุสลิม
เขาเหล่านั้นต่างเคร่งครัดในเรื่องการกิน การบริโภคค่อนข้างมาก ต่อมาเมื่อสังคมเมืองขยายตัวครอบงำวัฒนธรรมของทุกๆ
สังคม สินค้าแปลกตามากมาย กระตุ้นการบริโภคของทุกๆ สังคม ค่อนข้างมากมาย
ความเร้าใจของการโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้เกิดความต้องการที่จะบริโภค
จวบจนองค์กรมุสลิมซึ่งต้องการให้ความสะดวกและความมั่นใจในการบริโภค
อีกทั้งเป็นตัวกลางที่จะทำให้ผู้ผลิตสินค้า
สามารถนำสินค้านั้นไปขายให้กับมุสลิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงต้องมีการออกตรารับรองสินค้าเหล่านั้น
เสมือนหนึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานสินค้าที่มุสลิมสามารถให้การบริโภได้โดยไม่ผิดหลักเกณฑ์ตามศาสนบัญญัติ
กระนั้นก็ตาม เรายังพบสินค้าบางชนิด และผู้ผลิตบางกลุ่มเห็นแก่ได้
ปลอมแปลงตรารับรองดังกล่าวนั้น รวมไปถึงข้อครหาต่อคณะกรรมการที่รับรองสินค้า ผลประโยชน์ที่เบีดบังตรารับรองเหล่านั้น
สร้างความคลุมเครือ และความไม่น่าเชื่อถือในองค์กร สะท้อนให้เห็นถึงความด้อยค่าในตรารับรองที่ได้ออกไปสำหรับสินค้าต่างๆ
เหล่านั้น
ท่านทั้งหลาย
ในการดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบัน
เรามีสิ่งที่ต้องตรวจสอบตนเองอยู่อีกมากมาย หลายรายการ ซึ่งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันดังกล่าว
นำมาซึ่ง การตรวจสอบติดตามอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น ซึ่งในสังคมปัจจุบัน
มีผู้ที่แอบอิงหาผลประโยชน์ในตรารับรองค่อนข้างมาก “ทุจริตคอรับชั่น” เกาะกินไปในทุกๆ
วงการ เกาะกินไปทั้งในวัดและในมัสยิด ตลอดจนคณะกรรมการหลายๆ คณะ
ต่างมุ่งที่จะเกาะเกี่ยวเก็บเอาผลประโยชน์เฉพาะตนและพวกพ้องของตน ความทุจริตแอบแฝง
ตั้งแต่การเสนอตัวและคณะบุคคลเข้าไปเพื่อรวบรวมการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหล่านั้น
โดยการเบียดบังด้วยการซื้อตำแหน่งของคณะบุคคลเข้าไปแย่งชิงผลประโยชน์ต่างๆ
เหล่านั้น ซึ่งได้ทั้งบารมีในแง่ของนักการศาสนาและบารมีของนักการเมือง
อย่างไรก็ตาม ขอดุอาร์จากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ขอให้เขาเหล่านั้นกลับตัวกลับใจ
เพื่อที่ทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ในผลงาน และประโยชน์ต่อประชาชนเป็นที่ตั้ง
ขอให้พิจารณาโองการจากซูเราะห์ Al-Qur'an,
005.039 (Al-Maeda [The Table, The Table Spread]) ความว่า
005.039 فَمَنْ تَابَ مِنْ بَعْدِ ظُلْمِهِ وَأَصْلَحَ فَإِنَّ اللَّهَ يَتُوبُ عَلَيْهِ إِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ
005.039 But if the thief repents
after his crime, and amends his conduct, Allah turneth to him in forgiveness;
for Allah is Oft-forgiving, Most Merciful.
39. แล้วผู้ใดสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวหลังจากการอธรรมของเขา
และแก้ไขปรับปรุงแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
จะเห็นว่า สำหรับพระองค์แล้ว ทรงเมตตา
เอ็นดูทุกๆ คน ด้วยความเมตตาปราณีเสมอ โดยเฉพาะมีความสำนึก กลับเนื้อกลับตัว
บริสุทธิ์ใจ ไม่กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ทั้งๆ
ที่อำนาจหน้าที่ของเขาเหล่านั้นต้องรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม
เพราะนั่นคือสิ่งที่สร้างความร้าวฉานในสังคม ส่อเจตนาถึงการแสวงหาประโยชน์เพียงเพื่อตนเอง
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นเพื่อมุ่งมั่นประโยชน์และแสวงหาประโยชน์สำหรับทุกๆ
คนในสังคม และจงสำนึกอยู่เสมอว่า ทุกๆ คณะบุคคล ต้องมุ่งมั่นและมุ่งหวังความโปรดปราณจากพระองค์
มากกว่าประโยชน์ที่พึงได้รับเฉพาะหน้าเพียงเท่านั้น เพราะหากคิดเช่นนั้นได้แล้ว เราทั้งหลายจะอยู่ในสภาพของผู้ที่ได้รับแบ่งปันผลกำไร
มากกว่าการที่เขาเหล่านั้นจะจมปลักอยู่ในสภาพของผู้ที่ขาดทุน
ดังที่พระองค์ทรงมีโองการจากซูเราะห์ Al-Qur'an,
005.021 (Al-Maeda [The Table, The Table Spread]) ความว่า
005.021 يَا قَوْمِ ادْخُلُوا الأرْضَ الْمُقَدَّسَةَ الَّتِي كَتَبَ اللَّهُ لَكُمْ وَلا تَرْتَدُّوا عَلَى أَدْبَارِكُمْ فَتَنْقَلِبُوا خَاسِرِينَ
005.021 "O my people! Enter the
holy land which Allah hath assigned unto you, and turn not back ignominiously,
for then will ye be overthrown, to your own ruin."



21. โอ้ประชาชาติของฉัน !
จงเข้าไปในแผ่นดินอันบริสุทธิ์ ที่อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดให้แก่พวกท่านเถิด
และจงอย่าหันหลังของพวกท่านกลับ เพราะจะทำให้พวกท่านกลับกลายเป็นผู้ขาดทุน
ท่านทั้งหลาย
เวลานี้ สังคมของเรา เป็นสังคมที่เต็มไปด้วย
การแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงสังคมโดยรวม แม้เพียงเรื่องราวอันเล็กน้อยของสังคม
ก็เป็นลู่ทางหนึ่งของการแสวงหาผลประโยชน์เพียงเพื่อกลุ่มคณะของตนเอง
โดยมองข้ามความสำคัญของสังคมโดยรวม ภาพพจน์ของนักการเมืองที่อ้างอิงความเป็นนักการศาสนา
เพียงเพื่อรับประโยชน์ในการตราเครื่องหมายรับรองต่างๆ ซึ่งจะมีปฏิสัมพันธ์ผู้ผลิตหลายๆ
ค่าย หลายๆ เครือข่าย ซึ่งมีมูลค่ามากมายมหาศาล ซึ่งหากกลุ่มคณะดังกล่าว มุ่งมั่งเพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมด้วยความยำเกรงต่อพระองค์
ตรารับรองดังกล่าว ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์
และใช้เป็นแนวทางในการยืนยันต่อสังคมโดยรวมได้ แต่เมื่อใดที่กลุ่มคณะเหล่านั้น
ออกตรารับรองโดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นประโยชน์เฉพาะคณะนั้น
สังคมโดยรวมขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างหรือบั่นทอนความน่าเชื่อถือต่อองค์กร
ในไม่ช้า ย่อมล่มสลาย เพราะคณะนั้น ทำลายตนเอง และไม่ยำเกรงต่อพระองค์
ขอให้เราทั้งหลายจงมุ่งมั่นตรวจสอบตนเองและจงยำเกรงต่อพระองค์ต่อสิ่งที่เราทั้งหลายต่างมุ่งทำอิบาดัรเพื่อพระองค์




إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
والسَلامٌ
มูฮำหมัด
สันประเสริฐ
16
ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433

อ้างอิง
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ
ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com
อัลฮาดีซ : Hadith
of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com