วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562

Social Network การสื่อสารสังคมชุมชนไร้พรมแดน


มิมบัรออนไลน์

คุตบะห์วันศุกร์ 29 ร่อบีอุ้ลเอาวัล 1432 (วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.. 2554)

Social Network การสื่อสารสังคมชุมชนไร้พรมแดน


الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

وَمِنْهُمْ مَنْ يَسْتَمِعُ إِلَيْكَ حَتَّى إِذَا خَرَجُوا مِنْ عِنْدِكَ قَالُوا لِلَّذِينَ أُوتُوا الْعِلْمَ مَاذَا قَالَ آنِفًا أُولَئِكَ الَّذِينَ طَبَعَ اللَّهُ عَلَى قُلُوبِهِمْ وَاتَّبَعُوا أَهْوَاءَهُمْ

وَالَّذِينَ اهْتَدَوْا زَادَهُمْ هُدًى وَآتَاهُمْ تَقْوَاهُمْ

فَهَلْ يَنْظُرُونَ إِلا السَّاعَةَ أَنْ تَأْتِيَهُمْ بَغْتَةً فَقَدْ جَاءَ أَشْرَاطُهَا فَأَنَّى لَهُمْ إِذَا جَاءَتْهُمْ ذِكْرَاهُمْ

فَاعْلَمْ أَنَّهُ لا إِلَهَ إِلا اللَّهُ وَاسْتَغْفِرْ لِذَنْبِكَ وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ وَاللَّهُ يَعْلَمُ مُتَقَلَّبَكُمْ وَمَثْوَاكُمْ


ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

ชีวิตของเราแต่ละคน หากพิจารณาตามกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปแล้วนั้น ย่อมเปรียบเสมือนการเดินทางของชีวิต ที่ระยะเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป คล้ายกับกงล้อที่หมุนไปในเส้นทางที่มีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายที่เราแต่ละคนตั้งความหวังไว้ แต่จุดสิ้นสุดของการเดินทางของชีวิตของแต่ละคน นั้น ไม่เท่ากัน มีเป้าหมายปลายทางที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทุกๆ คนจะมีเหมือนกัน คือ ปลายทางของคน เป็นจุดจบที่เหมือนกัน นั่นคือความตาย และความตายที่แต่ละคนจะประสบนั้น มีสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่มีความเหมือนกันคือ เป็นปลายทางสุดท้ายที่เราทั้งหลายไม่สามารถย้อนกลับมาปฏิบัติกิจกรรมใดๆ ได้อีก ภารกิจของแต่ละคนในยามนั้นสิ้นสุดลง แม้ว่าเขาจะยังทำภารกิจใดภารกิจหนึ่งยังไม่จบสิ้น แต่เขาเหล่านั้นไม่สามารถดำเนินภารกิจของเขาให้ลุล่วงไปดังที่ตั้งความหวังไว้ได้ นั่นคือความจริงที่แต่ละชีวิตย่อมหนีไม่พ้น หรือปฏิเสธความจริงดังกล่าวได้ จึงขอเตือนสติตนเองและท่านทั้งหลาย จงตระหนักและยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้มาก เพราะในความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน ทุกคนย่อมต้องพบพานกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทาย หรือเป็นเรื่องราวที่ถือเป็นการทดสอบจากพระองค์ แม้ว่าคนอื่นจะถูกทดสอบ แต่นั่นคือการทดสอบเรา ทั้งหลายว่าเรามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เราตระหนัก หรือตั้งข้อสังเกตใดบ้างในเรื่องราวเหล่านั้น และหากเหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราแล้ว เราจะแก้ปัญหา หรือยอมรับเพื่อต่อสู้กับเหตุการณ์นั้นได้อย่างไร เพราะเวลานั้น แต่ละคนย่อมแสวงหาแนวทางที่เรามองเห็นแล้วว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่ได้เลือกว่าเหมาะสมที่สุด ปลอดภัยที่สุด ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด และเขาเสียเปรียบน้อยที่สุด

ท่านทั้งหลาย

ในวันที่ 5 มีนาคม ที่จะถึงนี้ เป็นวันนักข่าว หรือวันแห่งสื่อสารมวลชน ถัดไปวันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรีสากล ทั้งสองวันดังกล่าว คือเป้าหมายที่จะกล่าวถึงในคุตบะห์วันนี้ เพราะสังคมของเราถ้าจะมองมุมที่แคบที่สุด คือครอบครัวของเรา แต่หากมองกว้างออกไปแล้ว การที่เราได้ติดต่อสื่อสารกับใคร ก็จะถือเป็นสังคมของเราด้วย ซึ่งในวันนี้สังคมออนไลน์ เป็นอีกสังคมหนึ่งของมวลมนุษยชาติที่ใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกัน เป็นสื่อสารที่เราทั้งหลายบริโภคมันโดยที่เราไม่ได้มองหรือไม่สามารถระบุได้ว่าขณะที่เราใช้การสื่อสารดังกล่าวนั้น เรากำลังติดต่อหรือพูดคุยกับใครบ้าง ขณะเดียวกัน ช่องทางในการติดต่อสื่อสารดังกล่าว เป็นช่องทางที่แต่ละฝ่ายต่างมุ่งมั่นเพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในการติดต่อระหว่างกัน เป็นประโยชน์ที่ทุกคนมุ่งมั่นและหวังว่าคนที่เรากำลังติดต่ออยู่นั้น เมื่อได้รับการสื่อสารจากเราไปแล้วเขาได้รับความพึงพอใจในอรรถประโยชน์ที่เขาได้รับหรือไม่ เป็นประโยชน์ที่เขาเหล่านั้นมุ่งหวังหรือเป็นประโยชน์ที่เคลือบแคลงแฝงเร้นไปด้วยมายาที่มุ่งเอารัดเอาเปรียบหรือแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชนทั้งชายและหญิงที่เข้าไปบริโภคสื่อสารต่างๆ เหล่านั้น ในแง่มุมที่เราทั้งหลายเป็นผู้ปกครอง ต้องยอมรับว่า บนโลกแห่งการสื่อสารที่ไร้พรมแดน มันจะมีประโยชน์อย่างมหาศาล หากเราจะพิจารณาถึง และในทางกลับกันมันย่อมมีโทษอย่างมหันต์หากเราจะตระหนักถึงเช่นกัน

บรรดาเยาวชนของพวกเรา ทุกวันนี้ ย่อมหลีกหนีการบริโภคข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากสื่อสารไร้พรมแดนไม่ได้ แต่เขาเหล่านั้นต้องเข้าไปเสาะแสวงหาและเลือกที่จะบริโภคสื่อ และคัดเลือกในสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ความจำกัดของเดียงสาของเด็กๆ เหล่านั้น มีความจำกัด บางครั้งเขามองความสวยงามที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเขาขณะนั้น แท้ที่จริงคือยาพิษที่หากเสพเข้าไปเด็กเหล่านั้นย่อมได้รับความเสียหายไปไม่มากก็น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนที่เป็นสตรี ซึ่งเธอเหล่านั้นอยู่ในวัยที่สดใส เป็นผ้าขาวที่หากมีรอยเปื้อนใดๆ มาตกกระทบ มันมิได้สะท้อนออกไปทั้งหมด แต่รอยคราบ หรือรอยด่างย่อมเกิดขึ้นกับผ้าขาวที่สวยงามเหล่านั้น และบรรดาผู้ปกครองทั้งหลาย ย่อมต้องให้ความสนใจมองและเลือกสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา ขณะที่บรรดาผู้ปกครองย่อมต้องติดตามสอดส่องดูแลเอาใจใส่ต่อพวกเขาเหล่านั้นให้มาก หากผู้ปกครองไม่มีความรู้ที่จะใช้งานในสิ่งอันทันสมัยหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผู้ปกครองต้องเร่งรีบเข้าไปเรียนรู้ และสามารถให้ความช่วยเหลือ พินิจพิจารณา เลือกสรรสิ่งที่ดี ถูกต้องไม่ขัดกับขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของเรา

ท่านทั้งหลาย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกอาหรับ แต่ละประเทศในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากสื่อสารทางสังคมไร้พรมแดน (Social Network) หรือการเอาอย่างกันในทางสังคม จะเห็นว่าในประเทศจีนกำลังพิจารณาห้าม (Ban) การติดต่อสื่อสารใดๆ ที่ส่งผลกระทบทางวัฒนธรรม การเมืองการปกครองโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน (Face book) ที่มีเนื้อหาการจับกลุ่มพูดคุยในประเด็นทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อการบริหารกิจการบ้านเมือง รวมไปถึงการแทรกแซงการนำเสนอข่าวสาร เนื้อหา ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงทางการเมืองในโลกอาหรับ เพราะผลแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนที่เอง ย่อมส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมที่รุนแรงกับฝ่ายที่คุมอำนาจในปัจจุบัน

สิ่งที่เกิดขึ้น คือผลกระทบอันมหาศาลจากการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน แม้ดูเหมือนเล็กน้อย แต่สิ่งที่แฝงเร้นอยู่ในจิตใจของแต่ละคน คือ การปลูกฝังแนวคิดและอุดมการณ์ ที่ไม่สามารถจะสั่งสอนหรือกระทำให้เห็นเป็นพฤติกรรมได้ นั่นคือความน่าเกรงขามของการใช้สื่อสารมวลชนไร้พรมแดน เพื่อเปลี่ยนแปลงหรือจัดระเบียบใหม่ให้กับมวลมนุษยชาติ

ท่านทั้งหลาย

ช่วงเวลานี้เด็กๆ ในปกครองของเรากำลังออกจากโรงเรียน หยุดเรียน พักผ่อน แสวงหาความรู้ใหม่ หรือฝึกการทำงาน และใช้เวลาว่างภายหลังจากที่เขาเหล่านั้นใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการเรียนตามตารางที่ทางโรงเรียนหรือสถานศึกษาทั้งหลายจัดให้เขา แต่ในช่วงเวลานี้อีกประมาณ 2-3 เดือน เด็กๆ เหล่านี้มีเวลาอยู่กับผู้ปกครองมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับเรา เรียนรู้ในเรื่องราวต่างๆ จากเรา ดูเราเป็นตัวอย่าง เลียนแบบการกระทำของผู้ใหญ่ ทั้งกิริยา วาจา และความคิด จิตใจ ในสิ่งที่เราแสดงออกให้กับเขา แล้วปฏิบัติออกมาให้เราได้รับรู้ เป็นเสมือนการป้อนข้อมูลของเราแล้วเด็กๆ เหล่านั้นนำไปประมวลผลแล้วแสดงออกมา เราจะเห็นได้ว่า การแสดงออกของเด็กสะท้อนถึงการสั่งสอน การดูแลและความเอาใจใส่ของผู้ปกครอง หากผู้ปกครองใส่ใจ ถ่ายทอดเรื่องราวที่ดีงามให้กับเขา แน่นอนว่า เขาย่อมแสดงออกในทางที่ดี ตรงกันข้ามหากเรื่องราวที่เราป้อนข้อมูลให้กับเขา เป็นการถ่ายทอดความรุนแรง ความกักขฬะ ความหยาบคาย หรือเลินเล่อไม่ใส่ใจใยต่อเขา สิ่งที่เขาแสดงออกย่อมเป็นแนวทางที่ไม่น่าดูและจะถูกตำหนิจากสังคม สะท้อนออกมาให้เห็นว่า ผู้ปกครองเหล่านั้น ยังไม่ส่งเสริมคุณค่าและความดีงามให้กับเขา ดังนั้น เราทั้งหลาย จงพิจารณา ตรวจสอบตนเอง ตรวจสอบเด็กๆ ของเรา ใกล้ชิดกับพวกเขา ดูแลและจัดสรรเรื่องราวที่ดีงามพร้อมไปกับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเขา ให้เขาสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกทั้งในบ้านและนอกบ้าน

ท่านทั้งหลาย

การสื่อสารระหว่างกันไม่ว่าจะมาจากช่องทางใดก็ตาม สิ่งที่เหมือนกันคือ บรรดาผู้รับสารเหล่านั้นต้องมุ่งมั่นและเลือกที่จะบริโภคสื่อต่างๆ เหล่านั้นให้ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สติปัญญาในการไตร่ตรอง รวมถึงการใช้เหตุผลและวิจารณญาณที่จะเลือกบริโภคเรื่องราวเหล่านั้น เช่นเดียวกับในยุคของท่านศาสดา (ซ.ล.) การประกาศศาสนาของท่านมีทั้งผู้ที่เข้าใจเลื่อมใสศรัทธาในสิ่งที่ท่านนำมาประกาศ และมีบางกลุ่มที่มุ่งมั่นไม่เชื่อฟัง มุ่งทำลายล้าง และข่มเหงรังแก หรือประกาศสงครามตั้งตนเป็นศัตรู แม้ว่าในบางครั้งบางกลุ่มก็แสแสร้งยอมเป็นพวก แต่ในภายหลังกลับแสดงตนเป็นศัตรูปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงในบรรดาเรื่องราวที่ได้รับมาจากกลุ่มศรัทธาชนต่างๆ ทั้งๆ ที่เขาเองปิดหูปิดตา ปิดทุกอย่าง โดยที่ไม่ฉุกคิดหรือใช้ตรรกะอย่างสร้างสรรค์ในเรื่องราวของสารสาระของท่านศาสดานำมาเผยแผ่ยังเขาเหล่านั้น ขอให้พิจารณาโองการจาอัลกุรอ่านซูเราะห์มุฮัมมัด Al-Qur'an, 047.016-019 (Muhammad [Muhammad]) ความว่า

047.016 وَمِنْهُمْ مَنْ يَسْتَمِعُ إِلَيْكَ حَتَّى إِذَا خَرَجُوا مِنْ عِنْدِكَ قَالُوا لِلَّذِينَ أُوتُوا الْعِلْمَ مَاذَا قَالَ آنِفًا أُولَئِكَ الَّذِينَ طَبَعَ اللَّهُ عَلَى قُلُوبِهِمْ وَاتَّبَعُوا أَهْوَاءَهُمْ

047.016 And among them are men who listen to thee, but in the end, when they go out from thee, they say to those who have received Knowledge, "What is it he said just then?" Such are men whose hearts Allah has sealed, and who follow their own lusts.

16. ในหมู่พวกเขามีผู้เงี่ยหูฟังเจ้าจนกระทั่งเมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาก็จะพูดแก่ผู้มีความรู้ว่า เมื่อกี้นี้เขา (มุฮัมมัด) พูดอะไรกัน ชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ.ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขา (ในหมู่พวกมุนาฟิกีนมีผู้ฟังการแสดงคุตบะฮ.ของเจ้าเมื่อพวกเขาออกมาจากมัสยิดพวกเขาได้ถามอับดุลลอฮ.อิบนี่มัสอูดว่าเมื่อกี้นี้มุฮัมมัดพูดอะไร? พวกเขาหมายถึงว่าสิ่งที่ท่านร่อซูลศ็อลฯพูดนั้นไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด พวกเหล่านี้อัลลอฮ.ทรงประทับตาการเป็นกุฟรและการนิฟากบนหัวใจของพวกเขาสาเหตุเพราะพวกเขาไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องและยึดถืออารมณ์ต่ำเป็นที่ตั้ง)และพวกเขาปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา

047.017 وَالَّذِينَ اهْتَدَوْا زَادَهُمْ هُدًى وَآتَاهُمْ تَقْوَاهُمْ

047.017 But to those who receive Guidance, He increases the (light of) Guidance, and bestows on them their Piety and Restraint (from evil).

17. ส่วนผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง พระองค์ทรงเพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา และจะทรงประทานให้แก่พวกเขาซึ่งการยำเกรงของพวกเขา (ส่วนบรรดามุอ.มินผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีอัลลอฮ.ก็จะเพิ่มการฮิดายะฮ.ให้แก่พวกเขา และทรงดลใจให้แก่พวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขายำเกรง คือพวกเขากลัวต่อความกริ้วของอัลลอฮ.เช่นการชิริกและการฝ่าฝืน)

047.018 فَهَلْ يَنْظُرُونَ إِلا السَّاعَةَ أَنْ تَأْتِيَهُمْ بَغْتَةً فَقَدْ جَاءَ أَشْرَاطُهَا فَأَنَّى لَهُمْ إِذَا جَاءَتْهُمْ ذِكْرَاهُمْ

047.018 Do they then only wait for the Hour,- that it should come on them of a sudden? But already have come some tokens thereof, and when it (actually) is on them, how can they benefit then by their admonition?

18. ดังนั้น พวกเขามิได้คอยสิ่งใดนอกจากยามอวสานซึ่งมันจะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหัน แต่ว่าเครื่องหมายต่าง ๆ ของมันได้มีมาแล้ว ดังนั้น เมื่อการตักเตือนของพวกเขาได้มายังพวกเขาแล้วจะเกิดประโยชน์อันใดเล่าแก่พวกเขา? (บรรดาหัวหน้ากุฟฟารกุเรชในมักกะฮ.มิได้คอยสิ่งใดนอกจากยามอวสานคือวันกิยามะฮ.ที่จะมายังพวกเขาอย่างกระทันหันเครื่องหมายต่าง ๆ แห่งวันกิยามะฮ. ได้มีมาแล้ว เช่น การเป็นร่อซูลของมุฮัมมัด ศ็อลฯ ควันไฟ และการแยกของดวงจันทร์ ดังนั้นการขอลุแก่โทษจะไม่เกิดประโยชน์อันใดแก่พวกเขา ในเมื่อการตักเตือนและเครื่องหมายต่าง ๆ ได้มายังพวกเขาแล้ว)

047.019 فَاعْلَمْ أَنَّهُ لا إِلَهَ إِلا اللَّهُ وَاسْتَغْفِرْ لِذَنْبِكَ وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ وَاللَّهُ يَعْلَمُ مُتَقَلَّبَكُمْ وَمَثْوَاكُمْ

047.019 Know, therefore, that there is no god but Allah, and ask forgiveness for thy fault, and for the men and women who believe: for Allah knows how ye move about and how ye dwell in your homes.

19. ฉะนั้นพึงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ. และจงขออภัยโทษต่อความผิดเพื่อตัวเจ้าและเพื่อบรรดาผู้ศรัทธาหญิง และอัลลอฮ.ทรงรู้ดียิ่งถึงพฤติการณ์ของพวกเจ้าและที่พำนักของพวกเจ้า (ด้วยเหตุดังกล่าวพึงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ. และจงขออภัยโทษต่อความผิดของพวกเจ้าหน้าที่เป็นนุอ.มินชาย และมุอ.มินหญิง เพราะอัลลอฮ.ทรงรู้ดีถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ของพวกเจ้าทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน)

ท่านทั้งหลาย

การสื่อสารที่ดีที่สุด คือการสื่อสารของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) เป็นการสื่อสารทางช่องทางที่เที่ยงตรง ไร้การเติมแต่งสีสัน และการโน้มเอียงตามทัศนคติของผู้ส่งสาร แต่ขณะเดียวกันผู้ที่รับสาร คือบรรดามวลมุสลิมและผู้ปฏิเสธศรัทธา ต่างใช้แนวคิดของตนเอง ใช้เหตุผลของตนเอง รวมไปถึงใช้อารมณ์ความเชื่อส่วนตนที่ฝังลึกมาอย่างช้านาน ซึ่งชนเหล่านั้นใช้ความคิดของตน ไม่ยอมรับสิ่งที่ท่านศาสดาสื่อมายังพวกเขา แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการบริโภคสื่อในปัจจุบัน ที่การสื่อสารมีช่องทางไร้พรมแดนไร้ขีดจำกัด แต่เนื้อหาที่มาจากสื่อเหล่านั้น เราต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ว่า สื่อสารเหล่านั้นถูกแต่งแต้มต่อเติม และเคลือบแคลงสิ่งใดโดยมีวัตถุประสงค์อย่างไรกับผู้บริโภคสื่อสารเหล่านั้น สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุด คือ บรรดาเยาวชนทั้งชายและหญิงที่อยู่ในปกครองของเรา ต่อการบริโภคเรื่องราวดังกล่าวเหล่านั้น เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร เด็กๆ เปรียบเหมือนเป็นตุ๊กตาหรือหุ่นกระบอกที่ผู้ปกครองต้องปกป้องและกระตุกเตือนให้เขาได้เห็นถึงสิ่งที่แฝงเร้นที่หลบอยู่ในนั้น ผู้ปกครองควรสกัดเอาแต่เฉพาะสารประโยชน์ จากสื่อสารเหล่านั้น และประโยชน์จากบรรดาเนื้อหาที่ทำให้เกิดการพัฒนาความคิดอย่างสร้างสรรค์ การเลือกที่จะใช้สื่ออย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในช่วงเวลายามว่างของพวกเขา หาใช่การที่เราจะปล่อยปละละเลย เมินเฉย ในเนื้อหาสาระต่างๆ เพียงการใช้เวลาหรือทำเพียงการฆ่าเวลาให้หมดไป โดยที่สิ่งที่เลวร้ายจะมาย่างกรายในสังคม ครอบครัวของเราโดยที่เราคาดไม่ถึง ขอให้พิจารณาอัลฮาดีส ต่อไปนี้

Allah's Apostle (peace be upon him) said: Strange are the ways of a believer for there is good in every affair of his and this is not the case with anyone else except in the case of a believer for if he has an occasion to feel delight, he thanks (God), thus there is a good for him in it, and if he gets into trouble and shown resignation (and endures it patiently), there is a good for him in it.

Narrated by: Suhayb ibn Sinan ar-Rumi Source : Sahih Muslim 7138

ในบรรดาสิ่งทั้งหลาย มีทั้งสิ่งที่ดีงาม และสิ่งที่เป็นความเลวร้าย ซึ่งหนทางทั้งหลายมีเป้าหมายหลายๆ อย่างที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกรับหรือยอมรับในเรื่องนั้นอย่างไร เราสามารถเลือกได้ทั้งทางด้านการยอมรับหรือปฏิเสธในเรื่องราวเหล่านั้น เพื่อให้ได้รับในสิ่งที่ดีงามจากเรื่องราวเหล่านั้น เช่นกัน ในสังคมชุมชนไร้พรมแดน ที่เข้ามายังครอบครัวของเราในเวลานี้ ผู้ปกครองอย่าได้ละเลย เมินเฉยต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เราควรที่จะหาทางคุ้มครองป้องกันเด็กๆ ในปกครองของเรารู้จักที่จะบริโภคสื่อเหล่านั้นอย่างสร้างสรรค์ เลือกที่จะใช้งานอย่างเหมาะสม และผู้ปกครองเองต้องตามเขาเหล่านั้นให้ทัน เรียนรู้ไปพร้อมกับเขา ป้องกันและเลือกสรรสิ่งที่ดีให้เขา เพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้เป็นเยาวชนที่ดีของสังคมในอนาคตต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ปกครองสามารถที่จะให้มรดกที่ดีงามสำหรับเขานอกเหนือจากมรดกที่เป็นทรัพย์สิน เพราะทรัพย์สินที่เราจะให้กับเขาเหล่านั้น วันหนึ่งข้างหน้ามันย่อมหมดลง แต่มรดกทางสติปัญญาหรือความคิดนั้น ใช้ไปแล้วไม่มีวันหมดสิ้น หากแต่มันจะงอกเงยออกมาตามความประสงค์ของเจ้าของของมัน ซึ่งความคิดของคนนั้น มีความหลากหลาย ตามแต่เขาเหล่านั้นจะจำแนกออกมาได้อย่างไรบ้าง แต่หากสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องราวที่ดีงามแล้ว แน่นอนว่าประโยชน์ย่อมตกกับเจ้าของของมัน แต่หากเป็นโทษแล้ว ความร้ายแรงแห่งโทษนั้นมีมหาศาล ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่พัฒนาจากชุมชนออนไลน์แล้วแพร่ไปอย่างไม่มีการสกัดกั้นในประเทศต่างๆ อย่างเป็นทวีคูณ ไม่มีที่สิ้นสุด ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละภาคส่วนจะต่อสู้ ป้องกันกับสิ่งเหล่านั้นได้ทันท่วงทีหรือไม่ ขอให้แต่ละคนใช้วิจารณญาณและสติปัญญาในการไตร่ตรองและแยกแยะเพื่อให้ได้หนทางที่เหมาะสม และได้รับแนวทางที่ไม่ออกห่างจากแนวทางที่เที่ยงตรง ถูกต้อง ในกรอบแนวคิดที่สังคมยอมรับและอยู่ในแนวทางแห่งผู้ที่ยำเกรง


إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

อ้างอิง

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp , www.DivineIslam.com

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

จงรักษาเวลาด้วยความอดทน

มิมบัรออนไลน์
คุตบะห์วันศุกร์ 13 ซุ้ลฮิจญะห์ 1431 (วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553)

จงรักษาเวลาด้วยความอดทน

الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
وَالْعَصْرِ
إِنَّ الإنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ
إِلا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ขอชุกูร ขอบคุณในความเมตตาของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่ให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและได้ใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างเต็มกำลังเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนตนเองและท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่อพระองค์ให้มาก และจงพิจารณาถึงพระราชอำนาจของพระองค์ ความเมตตาของพระองค์ คำบัญชาใช้และห้ามของพระองค์ต่อมวลประชาชาติทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ให้เราได้มีสติปัญญาเพื่อแยกแยะเรื่องราวต่างๆ ตามที่พระองค์ได้จำแนกไว้แล้ว ดังนั้นจึงขอให้เราเร่งรัดตนเองในแนวทางอันเที่ยงตรงที่พระองค์ได้กำหนดไว้ เราได้ใช้สรรพสิ่งของพระองค์โดยที่เราไม่ได้วินิจวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เราได้ใช้ไปนั้นเราใช้อย่างไรและเกิดประโยชน์ใดบ้างหรือเราใช้โดยที่ไม่ได้พินิจพิจารณาถึงคุณค่าของมัน ประโยชน์ที่เราพึงจะได้รับ และที่สำคัญคือในบางครั้งเราละทิ้งสิ่งที่มีค่าโดยที่เราละเลยหรือเมินเฉยต่อคุณค่าที่ดีของมัน
ท่านทั้งหลาย
เวลาคือสิ่งที่มีค่าสิ่งหนึ่งที่เรามักจะละเลย บางครั้งเราใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือย ใช้เวลาโดยไม่พิจารณาถึงคุณค่าของมัน เวลาที่ถูกกำหนดไว้ในแต่ละวันทุกๆ คน มีเท่ากัน แต่มีบางคนรู้จักใช้เวลา แต่บางคนใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้น ขอให้พิจารณาโองการจากอัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 103.001-003 (Al-Asr [The Declining Day, Eventide, The Epoch]) ความว่า
103.001 وَالْعَصْرِ
103.001 By (the Token of) Time (through the ages),
[103.1] ขอสาบานด้วยกาลเวลา
103.002 إِنَّ الإنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ
103.002 Verily Man is in loss,
[103.2] แท้จริง มนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน
103.003 إِلا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ
103.003 Except such as have Faith, and do righteous deeds, and (join together) in the mutual teaching of Truth, and of Patience and Constancy.
[103.3] นอกจากบรรดาผู้ศรัทธา และกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และ
ตักเตือนกันและกัน ให้มีความอดทน
ท่านทั้งหลาย
เราจึงควรพิจารณาถึงการใช้เวลาอย่างเหมาะสม เรามีข้อกำหนด กฎเกณฑ์ ต่างที่จะใช้เวลาในแต่ละกิจกรรมตามความเหมาะสม ขณะเดียวกันเราจึงขอให้เวลาเพื่อกระทำกิจวัตรเพื่อสนองตอบพระบัญชาของพระองค์ และรักษาคุณค่าของเวลาเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของผู้ที่ขาดทุน และเราจงอดทนและรักษาเวลาในกิจกรรมของพระองค์อย่างเหมาะสมและสร้างเสริมคุณค่าของเวลาให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์
วัสสลาม
มูฮำหมัด สันประเสริฐ

อ้างอิง
บทความเรื่อง “การทำฮัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา” จากเวปไซด์ www.muslimthai.com ปี พ.ศ. 2543
Text Copied from DivineIslam's Qur'an Viewer software v2.9
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/
อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

มิมบัรออนไลน์



คุตบะห์วันศุกร์ 30  มุฮัรรอม 1434  (วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555)

แม้ว่าอากาศแปรปรวนก็ขอจงมีจิตใจที่หนักแน่น



الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

أَوْ كَصَيِّبٍ مِنَ السَّمَاءِ فِيهِ ظُلُمَاتٌ وَرَعْدٌ وَبَرْقٌ يَجْعَلُونَ أَصَابِعَهُمْ فِي آذَانِهِمْ مِنَ الصَّوَاعِقِ حَذَرَ الْمَوْتِ وَاللَّهُ مُحِيطٌ بِالْكَافِرِينَ

يَكَادُ الْبَرْقُ يَخْطَفُ أَبْصَارَهُمْ كُلَّمَا أَضَاءَ لَهُمْ مَشَوْا فِيهِ وَإِذَا أَظْلَمَ عَلَيْهِمْ قَامُوا وَلَوْ شَاءَ اللَّهُ لَذَهَبَ بِسَمْعِهِمْ وَأَبْصَارِهِمْ إِنَّ اللَّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

يَا أَيُّهَا النَّاسُ اعْبُدُوا رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُمْ وَالَّذِينَ مِنْ قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ



ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

จงแสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระองค์ให้มากที่สุด จงตระหนักและระวังตนเองหากมีเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจส่งผลให้จิตใจของเราอ่อนไหว สั่นคลอน และโน้มตนเองไปสู่หนทางแห่งการเอนเอียงทางด้านการศรัทธา เพราะนั่นคือสิ่งที่บั่นทอนและทำให้เราออกห่างไกลจากแนวทางอันเที่ยงตรงและใกล้ชิดกับพระองค์

หากเราพิจารณาสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนอยู่ในขณะนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเหตุการณ์ที่หลายๆ สำนักต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นอาเพศและเป็นสิ่งบอกเหตุถึงความเลวร้าย การถูกทำลายจากภัยธรรมชาติ หรือหากมองถึงความเห็นของชนกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะสะท้อนและบ่งบอกถึงภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (12122012) แต่ในแนวทางคำสอนของอิสลามที่ท่านศาสดามูฮำมัด (ซ.ล.) ได้รับวะยูฮ์จากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) แล้ว เหตุการณ์ในวันกิยามัตจะเกิดขึ้น จะมีสัญญาณทั้งสัญญาณใหญ่และสัญญาณเล็ก ปรากฏขึ้น เป็นสัญญาณเตือนภัยที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่จะอุบัติขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านศาสดาไม่ได้ระบุไว้ คือ กำหนดเวลาที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆ เมื่อใด แต่สิ่งที่แน่นอน คือ เหตุการณ์ในวันกิยามัตนั้น จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ท่านทั้งหลาย

มนุษย์ มีความเคลื่อนไหวปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งความคิด จิตใจ การกระทำ ที่แสดงออกมาทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ รวมถึงการแสดงออกทางพฤติกรรม จะเห็นว่า ผลประโยชน์ของมนุษย์ คือตัวกำหนดที่สำคัญในการแสดงออก หากเมื่อใดที่มนุษย์ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด แน่นอนว่าพฤติกรรมที่แสดงออกจะสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเขา การกระทำของเขา ซึ่งเขาจะอ่อนโยนหรือแข็งกระด้างต่อผู้หนึ่งผู้ใด และเขาจะให้หรือจะยอมฟังผู้อื่นหรือไม่ ก็ด้วยจิตใจของเขาในขณะนั้น แต่เมื่อใดที่เขาได้รับประโยชน์นั้นในปริมาณที่ลดน้อยลง หรือไม่ไดรับผลประโยชน์ใดๆ ความไม่เพียงพอในจิตใจของเขา ก็จะแสดงออกถึง ความกริ้วโกรธ ความไม่พึงพอใจในสิ่งต่างๆ การเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้อื่นที่ได้รับผลประโยชน์นั้นๆ โดยที่เขาไม่ย้อนกลับมาพิจารณาตนเองเลยว่า เขาควรแสดงออกอย่างไร เมื่อได้รับหรือไม่ได้รับผลประโยชน์ต่างๆ เหล่านั้น และเขาได้แสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกแล้วหรือยัง การแสดงออกถึงความยำเกรงอย่างยิ่งนั้น คือ บทบาทของผู้ที่น้อมรับและเกรงกลัวต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เป็นความเกรงกลัวที่สะท้อนให้เห็นถึงการมอบหมายชีวิต การมอบหมายอิบาดัร และการมอบหมายในทรัพย์สินและปัจจัยยังชีพต่างๆ ที่พระองค์ทรงตอบรับและจัดสรรด้วยความเมตตากรุณาปราณีต่อเขาเหล่านั้น หาใช่ว่ามวลมนุษย์ พึงแสดงออกถึงความขอบคุณเมื่อได้รับประโยชน์ หากแต่รู้สึกเฉยๆ เมื่อไม่ได้รับ หรือได้รับน้อยลง แน่นอนว่าทุกๆ ริสกีของพระองค์ นั้น คือการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบอันน้อยนิดหรือเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ ก็ตาม สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราพึงตระหนักให้มากยิ่ง

ท่านทั้งหลาย

ยามใดที่อากาศแปรปรวน หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม แนวทางของท่านศาสดาที่แสดงออกต่อเรื่องราวต่างๆ นั้น คือการนิ่งเฉย อดทนต่อปรากฏการณ์ต่างๆ พร้อมทั้งแสดงออกถึงความอดทนในเรื่องราวนั้นๆ เพราะนั่นคือการทดสอบจากพระองค์ เพื่อเตือนตนเองว่า สิ่งที่บกพร่อง สิ่งที่ยังขาดหรือมองข้ามไปนั้น เราคิดทบทวนบ้างหรือไม่ หาแนวทางแก้ไข ด้วยความยำกรงในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่แสดงออกถึงความท้าทาย ความเห็นที่ปราศจากแนวทางอันเที่ยงตรง เพราะทุกๆ ภัยพิบัติ (บาลา) นั้น มีริสกีแฝงเร้นไว้ การทดสอบจากพระองค์ จะมีรางวัลอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ ขอเพียงเราทั้งหลาย อย่าได้บิดพลิ้ว หรือแสดงออกเฉกเช่นเดียวกับชนผู้ปฏิเสธต่อหลักการของพระองค์ ขอให้พิจารณาโองการ 3 โองการจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 002.019-021 (Al-Baqara [The Cow]) ความว่า

002.019 أَوْ كَصَيِّبٍ مِنَ السَّمَاءِ فِيهِ ظُلُمَاتٌ وَرَعْدٌ وَبَرْقٌ يَجْعَلُونَ أَصَابِعَهُمْ فِي آذَانِهِمْ مِنَ الصَّوَاعِقِ حَذَرَ الْمَوْتِ وَاللَّهُ مُحِيطٌ بِالْكَافِرِينَ

002.019 Or (another similitude) is that of a rain-laden cloud from the sky: In it are zones of darkness, and thunder and lightning: They press their fingers in their ears to keep out the stunning thunder-clap, the while they are in terror of death. But Allah is ever round the rejecters of Faith!

19. หรือดังฝนที่หลั่งลงมาจากฟากฟ้า โดยที่ในฝนนั้นมีทั้งบรรดาความมืด ฟ้าคำรน และฟ้าแลบ พวกเขาจึงเอานิ้วมือของพวกเขาอุดหูไว้ เนื่องจากฟ้าผ่า ทั้งนี้เพราะกลัวความตาย (ตามธรรมดาสำหรับผู้มีปัญญานั้น เมื่อกลัวฟ้าผ่า ก็จะต้องหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นสื่อไฟฟ้าเสีย จึงจะได้รับความปลอดภัย ไม่ใช่เอานิ้วมืออุดหู เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียฟ้าผ่า แล้วฟ้าก็จะไม่ผ่า อันเป็นการกระทำของผู้ที่ขาดปัญญา ในทำนองเดียวกัน พวกมุนาฟิกที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมฟัง อัล-กรุอาน และคำแนะนำของท่านนะบีนั้น ก็ใช่ว่าจะพ้นการลงโทษของอัลลอฮฺได้ เพียงแต่แก้ตัวว่าไม่เคยได้ยินโองการของอัลลอฮฺและคำแนะนำของท่านนะบีเท่านั้น)และอัลลอฮฺนั้นทรงล้อม(เป็นการแจ้งให้ทราบว่าพวกเขาไม่สามารถจะหนีให้พ้นไปได้ เพราะประหนึ่งพวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว) พวกปฏิเสธการศรัทธาเหล่านั้นไว้แล้ว

002.020 يَكَادُ الْبَرْقُ يَخْطَفُ أَبْصَارَهُمْ كُلَّمَا أَضَاءَ لَهُمْ مَشَوْا فِيهِ وَإِذَا أَظْلَمَ عَلَيْهِمْ قَامُوا وَلَوْ شَاءَ اللَّهُ لَذَهَبَ بِسَمْعِهِمْ وَأَبْصَارِهِمْ إِنَّ اللَّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

002.020 The lightning all but snatches away their sight; every time the light (Helps) them, they walk therein, and when the darkness grows on them, they stand still. And if Allah willed, He could take away their faculty of hearing and seeing; for Allah hath power over all things.

20. สายฟ้าแลบแทบจะเฉี่ยวสายตาของพวกเขาไป (อัลลอฮฺทรงเปรียบเทียบว่า ความชัดเจของอัล-กรุอานนั้นให้ความเจิดจ้าประดุจสายฟ้าแลบที่แทบจะเฉี่ยวสายตาของพวกเขาไป) คราใดที่มันให้แสงสว่างแก่พวกเขา พวกเขาก็เดินไปในแสงสว่างนั้น(ทรงเทียบว่า เมื่ออัล-กรุอานได้ให้ความเข้าใจแก่พวกเขา ในสิ่งที่พวกเขายังมืดมนอยู่ (อันเปรียบเสมือนแสงฟ้าแลบที่ให้ความสว่างแก่พวกเขา) พวกเขาก็ปฏิบัติตาม (อันเปรียบเสมือนพวกที่ยืนอยู่กับที่) และเมื่อมันมืดลงแก่พวกเขา พวกเขาก็หยุดยืน แลหากอัลลอฮฺทรงประสงค์แล้ว (ถ้าอัลลอฮฺทรงประสงค์จะลงโทษพวกเขา พระองค์ก็ทรงให้ตาของพวกเขาบอดไปแล้ว เพราะมีตาก็เหมือนไม่มี เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองแต่อย่างใด) แท่นอนก็ทรงนำเอาหูและตาของพวกเขาไปแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

002.021 يَا أَيُّهَا النَّاسُ اعْبُدُوا رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُمْ وَالَّذِينَ مِنْ قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ

002.021 O ye people! Adore your Guardian-Lord, who created you and those who came before you, that ye may have the chance to learn righteousness;

21. มนุษย์เอ๋ย! จงเคารพอิบาดะฮฺ (การให้เอกภาพแเด่อัลลอฮฺด้วยความนอบน้อมถ่อมตน และจงรักภักดีต่อประองค์) พระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าที่ทรงบังเกิดพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้าเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะทรงยำเกรง

ขอให้เราทั้งหลายพึงตระหนัก และปรับปรุงตนเองให้ได้ใกล้ชิดต่อพระองค์ และดูแลทุกๆ คนในปกครองให้อยู่ในแนวทางอันเที่ยงตรง ขอฝากอัลฮาดีส ความว่า

A man from among those who were before you was called to account. Nothing in the way of good was found for him except that he used to have dealings with people and, being well-to-do, he would order his servants to let off the man in straitened circumstances [from repaying his debt]. He (the Prophet p.b.u.h) said that Allah said: We are worthier than you of that (of being so generous). Let him off. Source : Hadith Qudsi 12

ทางที่ดีงามที่สุด คือหนทางที่เรานั้นประพฤติปฎิบัติตนในแบบฉบับของท่านศาสดาและแนวทางตามคำสอนของอัลกุรอ่าน อย่าได้ปล่อยจิตใจของเราออกห่างไกล แท้จริงนั้น เราควรจดจำวิธีปฏิบัติและการแสดงออกในหนทางที่ดีงามเฉกเช่นการปฏิบัติตนของท่านศาสดา (ซ.ล.)



إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

ทุกๆ ความดีงามและความประเสริฐ จากมิมบัรออนไลน์นี้


ข้าพเจ้า ขอต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงตอบรับดุอาร์ และขอให้คุณแม่ของผมได้มีส่วนร่วมในผลงานนี้ด้วย

และขอต่อพระองค์ทรงตอบรับดุอาร์และให้อภัยโทษต่อคุณแม่ของผม ด้วยเทอญ

อามีน


อ้างอิง

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp , www.DivineIslam.com

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

คุตบะห์ นิกาห์

มิมบัรออนไลน์


คุตบะห์นิกาห์ วันเสาร์ 6 เซาววาล 1426 (วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547)



คุตบะห์ นิกาห์



เนื่องในงานวะลีมะห์ ระหว่าง คุณ …………………………. บุตร …………………………

กับ คุณ …………………………. บุตร …………………………



الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ



ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาซึ่งยึดมั่นอยู่ในความตักวายำเกรงต่อเอกองค์อัลลอฮ์ทั้งหลาย

มนุษย์แต่ละคนมีจุดเริ่มต้นที่คล้ายๆ กัน นั่นคือกำเนิดมาจากความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เป็นเพศตรงข้ามกันหล่อหลอมให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ มาจากการปฏิสนธิของเชื้ออสุจิจากฝ่ายชายและเซลล์ไข่จากรังไข่ของฝ่ายหญิง และเริ่มต้นเป็นชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง และสิ้นสุดเมื่อเขาตายลง นั่นคือสัจธรรมที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงกำหนดแนวทางเอาไว้ ดังโองการจากซูเราะห์อัลฮัจย์ Al-Qur'an, 022.005 (Al-Hajj [The Pilgrimage]) พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงมีโองการไว้ความว่า



022.005 يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنْ كُنْتُمْ فِي رَيْبٍ مِنَ الْبَعْثِ فَإِنَّا خَلَقْنَاكُمْ مِنْ تُرَابٍ ثُمَّ مِنْ نُطْفَةٍ ثُمَّ مِنْ عَلَقَةٍ ثُمَّ مِنْ مُضْغَةٍ مُخَلَّقَةٍ وَغَيْرِ مُخَلَّقَةٍ لِنُبَيِّنَ لَكُمْ وَنُقِرُّ فِي الأرْحَامِ مَا نَشَاءُ إِلَى أَجَلٍ مُسَمًّى ثُمَّ نُخْرِجُكُمْ طِفْلا ثُمَّ لِتَبْلُغُوا أَشُدَّكُمْ وَمِنْكُمْ مَنْ يُتَوَفَّى وَمِنْكُمْ مَنْ يُرَدُّ إِلَى أَرْذَلِ الْعُمُرِ لِكَيْلا يَعْلَمَ مِنْ بَعْدِ عِلْمٍ شَيْئًا وَتَرَى الأرْضَ هَامِدَةً فَإِذَا أَنْزَلْنَا عَلَيْهَا الْمَاءَ اهْتَزَّتْ وَرَبَتْ وَأَنْبَتَتْ مِنْ كُلِّ زَوْجٍ بَهِيجٍ



022.005 O mankind! if ye have a doubt about the Resurrection, (consider) that We created you out of dust, then out of sperm, then out of a leech-like clot, then out of a morsel of flesh, partly formed and partly unformed, in order that We may manifest (our power) to you; and We cause whom We will to rest in the wombs for an appointed term, then do We bring you out as babes, then (foster you) that ye may reach your age of full strength; and some of you are called to die, and some are sent back to the feeblest old age, so that they know nothing after having known (much), and (further), thou seest the earth barren and lifeless, but when We pour down rain on it, it is stirred (to life), it swells, and it puts forth every kind of beautiful growth (in pairs).



[22.5] โอ้ มนุษย์เอ๋ย ! หากพวกเจ้ายังอยู่ในการสงสัยแคลงใจเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพแล้วไซร้ แท้จริงเราได้บังเกิดพวกเจ้าจากดิน แล้วจากเชื้ออสุจิ แล้วจากก้อนเนื้อ ทั้งที่เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ และไม่เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ เพื่อเราจะได้ชี้แจงเคล็ดลับแห่งเดชานุภาพ แก่พวกเจ้า และเราให้การตั้งครรภ์เป็นที่แน่นอนอยู่ในมดลูกตามที่ประสงค์ จนถึงเวลาที่กำหนดไว้แล้วเราให้พวกเจ้าคลอดออกมาเป็นทารก แล้วเพื่อพวกเจ้าจะได้บรรลุสู่วัยฉกรรจ์ของพวกเจ้า และในหมู่พวกเจ้ามีผู้เสียชีวิตในวัยหนุ่ม และในหมู่พวกเจ้ามีผู้ถูกนำกลับสู่วัยต่ำต้อย วัยชรา เพื่อเขาจะไม่รู้อะไรเลยหลังจากมีความรู้ และเจ้าจะเห็นแผ่นดินแห้งแล้ง ครั้นเมื่อเราได้หลั่งน้ำฝนลงมาบนมัน มันก็จะเคลื่อนไหวขยายตัวและพองตัวและงอกเงยออกมาเป็นพืช ทุกอย่างเป็นคู่ ๆ ดูสวยงาม



การกำเนิดมนุษย์ และความเจริญเติบโตนับจากวัยแบเบาะจวบจนกระทั่งมนุษย์เติบโตเป็นตัวเต็มวัย หรือวัยเจริญพันธ์ มนุษย์ต่างก็มีความพร้อมและมีความสามารถเพื่อการผลิตประชากรในยุคต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เป็นขั้นตอนที่มีความชัดเจน แต่ในการที่จะให้กำเนิดมนุษย์ในรุ่นต่อมานั้น จุดเริ่มต้นของการให้กำเนิดจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งองค์ประกอบทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี เศรษฐกิจ ตลอดจนผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งแต่ละองค์ประกอบจะมีส่วนผลักดันให้มนุษย์มีความเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใดบ้าง ทั้งในทางที่ดีและในแนวทางที่ไม่ดี ล้วนแล้วแต่มีตัวกำหนดอันเนื่องมาจากองค์ประกอบแวดล้อมทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวกำหนดที่มั่นคง และคอยดูแลเขาเหล่านั้น โดยการปลูกฝังแบบฉบับที่ดี ให้กับเขาเหล่านั้น นั่นคือความพร้อมของคนที่จะทำหน้าที่พ่อหรือแม่ให้กับเด็กๆ เหล่านั้น เขาทั้งสองจะต้องมีมุมมองและแนวความคิดที่จะสร้างครอบครัวและพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุตรหลานอย่างไรบ้าง จุดเริ่มต้นของชีวิตเริ่มจากการปฏิสนธิจวบจนถึงวัยที่เขาพร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อรักษาเผ่าพันธ์ของตนให้สามารถสืบสานวงศ์ตระกูล เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำรงตนและขยายเผ่าพันธ์แห่งครอบครัวของตนให้มีต่อไปในภาคภาคหน้า จึงเป็นข้อกำหนดมาตรฐานที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงสร้าง โดยมุ่งแสดงข้อกำหนดให้มนุษย์ได้เล็งเห็นว่าระยะเวลาแห่งการดำเนินชีวิตของเขาเหล่านั้น จะต้องกระทำหน้าที่ของแต่ละคนไปตามวัยของเขา เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามภาระและความรับผิดชอบของแต่ละคนในช่วงวัยของเขา ทุกคนจะมีหน้าที่ของตนไปตามสถานภาพและบทบาท ตามวัยของตน กล่าวคือ วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยผู้ใหญ่ วัยชรา ซึ่งเขาจะมีบทบาทแตกต่างกันไป



กล่าวคือ ในความเป็นเด็กเขาต้องได้รับการเอาใจใส่จากคนที่เป็นพ่อแม่ด้วยความทนุถนอม เอาใจใส่ดูแลด้วยความอบอุ่น เสริมสร้างสุขภาพและพลานามัยให้กับเขาเหล่านั้น ตลอดจนหน้าที่ในการให้การเรียนรู้ การสร้างกระบวนการเรียนรู้ จากตัวอย่างที่ดี เพื่อที่จะให้เขาได้ทำตามแบบอย่างและแบบแผนที่ดีในการดำเนินชีวิตจากผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดมุมมองทางความคิด สติปัญญา แนวทางในการประกอบอาชีพ ซึ่งจะผ่านกระบวนการพัฒนาระบบการเรียนรู้ การสร้างภูมิปัญญา พลังทางความคิด ความรู้สติปัญญา หล่อลอมเป็นองค์ความรู้ที่มีความพร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ มีศักยภาพทางด้านต่างๆ ในอนาคต สำหรับเด็กในช่วงวัยรุ่น จะเป็นช่วงวัยที่มีความเปลี่ยนแปลงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากระดับฮอร์โมนในร่างกาย จากต่อมไร้ท่อต่าง ๆ จะทำหน้าที่กระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึก อยากรู้ อยากลอง หรืออยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ของเขาเหล่านั้นในสิ่งที่ตนเองต้องการเรียนรู้ จะเห็นได้ว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านั้น จะกระทำการสิ่งหนึ่งสิ่งใด ตามใจปรารถนา ตามอารมณ์ และความรู้สึกของตนเอง ซึ่งช่วงดังกล่าวเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะบอกได้ว่าการกระทำใดๆ ของเขาเหล่านั้น จะส่งผลให้เกิดคุณค่าหรือ เกิดผลเสียต่อการดำเนินชีวิตของเขาหรือไม่



พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

หันมามองถึงชีวิตในช่วงวัยหนุ่มสาวดูบ้าง ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่เด็กๆ ที่เติบโตพ้นช่วงวัยรุ่น เริ่มที่จะคำนึงถึงการคบหาเพื่อนต่างเพศ และเริ่มที่จะศึกษา หรือแสวงหาโอกาสในการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของคู่ครอง อารมณ์และความรู้สึกของหนุ่มสาว จะมุ่งแสวงหาเกี่ยวกับการคบหาเพื่อนต่างเพศ เพื่อที่จะนำไปสู่การสร้างครอบครัวใหม่ การเตรียมความพร้อมในการมีบทบาทของความเป็นสามีหรือภรรยา และการทำหน้าที่พ่อหรือแม่ ที่จะดูแลเลี้ยงดู เอาใจใส่ต่อกุลบุตร กุลธิดาของเขาเหล่านั้น ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว สภาวะการทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ ของเขา จะทำหน้าที่ของมันตามกลไกต่างๆ เพื่อสนองตอบต่อความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเข้ามาสู่ชีวิตของเขาเหล่านั้น สิ่งหนึ่งที่จะพบในทุกๆ คน นั่นคือ ในช่วงวัยรุ่นฮอร์โมนทางเพศจะเริ่มทำงาน และการทำงานของมันจะเป็นตัวกำหนดที่บ่งบอกได้ว่าเขามีความพร้อมที่จะทำบทบาทและหน้าที่อันสำคัญในชีวิต นั่นคือบทบาทของสามีหรือภรรยา กับหน้าที่ของความเป็นพ่อหรือแม่แล้ว ซึ่งในเวลานั้น การแสดงออกของคนในวัยนี้ ต่อภาวะความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง ภายใต้แรงขับที่ผลักดันอยู่ภายในจิตใจของเขา ว่าเขามีความพร้อมต่อการทำหน้าที่ดังกล่าว หรือว่าเขาได้เรียนรู้ที่จะกระทำหน้าที่อันทรงเกียรติอย่างนั้นแล้วหรือยัง หรือว่าการกระทำของเขาเหล่านั้น เป็นเพียงการตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึก ความปรารถนาของอารมณ์ของเขาเพียงเท่านั้นหรือ ซึ่งตามแนวทางของอิสลาม ได้กำหนดวิธีการในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ว่าวันนี้ในแต่ละชุมชนมุสลิมต่างมีการเตรียมความพร้อมให้กับหนุ่มสาวเหล่านั้นไว้อย่างเพียบพร้อมแล้วหรือยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาททางด้านความเป็นมุสลิม ความเป็นศาสนิกที่ดี ความคิดในเรื่องการเลือกคู่ครอง การคบหาระหว่างหญิงชายที่จะพัฒนาไปสู่การสร้างครอบครัวในรูปแบบของมุสลิมนั้น แนวทางหรือรูปแบบที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการในการเลือกคบหาดูใจในการเลือกคู่ครองเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว จากอัลกุรอ่าน ซูเราะห์ อัลบ้ากอเราะห์ อายะห์ที่ 221 Al-Qur'an, 002.221 (Al-Baqara [The Cow]) อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงกล่าวไว้ความว่า



002.221 وَلا تَنْكِحُوا الْمُشْرِكَاتِ حَتَّى يُؤْمِنَّ وَلأمَةٌ مُؤْمِنَةٌ خَيْرٌ مِنْ مُشْرِكَةٍ وَلَوْ أَعْجَبَتْكُمْ وَلا تُنْكِحُوا الْمُشْرِكِينَ حَتَّى يُؤْمِنُوا وَلَعَبْدٌ مُؤْمِنٌ خَيْرٌ مِنْ مُشْرِكٍ وَلَوْ أَعْجَبَكُمْ أُولَئِكَ يَدْعُونَ إِلَى النَّارِ وَاللَّهُ يَدْعُو إِلَى الْجَنَّةِ وَالْمَغْفِرَةِ بِإِذْنِهِ وَيُبَيِّنُ آيَاتِهِ لِلنَّاسِ لَعَلَّهُمْ يَتَذَكَّرُونَ

002.221 Do not marry unbelieving women (idolaters), until they believe: A slave woman who believes is better than an unbelieving woman, even though she allures you. Nor marry (your girls) to unbelievers until they believe: A man slave who believes is better than an unbeliever, even though he allures you. Unbelievers do (but) beckon you to the Fire. But Allah beckons by His Grace to the Garden (of bliss) and forgiveness, and makes His Signs clear to mankind: That they may celebrate His praise.



[2.221] และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก จนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้น ดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านาง ได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม และพวกเจ้าจงอย่าให้แต่งงาน กับบรรดาชาย มุชริก จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่า ชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่ไฟนรก และอัลลอฮ์ นั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโทษ ด้วยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์จะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์ แก่มนุษย์เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึกกันได้



โองการที่กล่าวถึง เป็นปฐมบทของการเริ่มต้นครอบครัวในอิสลาม ซึ่งการเลือกคู่ครอง เป็นรูปแบบและต้นเหตุสำคัญในการสร้างความสำเร็จของชีวิตครอบครัว ในเรื่องของการเลือกคู่ครองนั้น ลำดับแรกที่ต้องพิจารณา นั่นคือ ต้องพิจารณาถึงหลักการศรัทธาของคนทั้งคู่ที่ตัดสินใจสร้างครอบครัวใหม่ เข้ามาร่วมเรียงเคียงคู่กัน อยู่ร่วมกัน เป็นสามีภรรยากัน เป็นพ่อเป็นแม่ ดูแลบุตรชายหญิงที่จะเกิดขึ้นมา ให้อยู่ในโอวาท ของผู้ที่เป็นพ่อและแม่ ถ่ายทอดความห่วงใย ความรู้ ความคิด และสติปัญญา ในการพัฒนาตนเอง สร้างพื้นฐานการดำเนินชีวิต เพื่อที่จะให้เขาเหล่านั้นจะได้เป็นมุสลิมที่ดีของสังคม เป็นประชาชาติมุสลิมในวันแห่งการตัดสิน ดังนั้น จุดเริ่มต้นของการสร้างครอบครัวมุสลิมที่ดีนั้น จึงอยู่ที่การเลือกคนที่จะมาเป็นคู่ครอง ไม่ว่าจะเป็นคู่ครองของทางฝ่ายชายหรือคู่ครองทางฝ่ายหญิง นั้น แต่ละฝ่ายจะมีหลักการ กฎเกณฑ์ และวิธีคิดอย่างไรในการเลือกคนสำคัญคนนั้นมาเป็น คู่ครอง มาร่วมชีวิต สร้างครอบครัวใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานแห่งความอบอุ่น ความรัก ความเอื้ออาทร ห่วงใยต่อกัน ร่วมมือร่วมใจกันสร้างคนในรุ่นถัดไป เป็นมุสลิมรุ่นใหม่ที่มีความเพียบพร้อมทั้งความรู้ ความคิด อิหม่านศรัทธาอย่างถ่องแท้ เที่ยงแท้ในความเป็นมุสลิม บนพื้นฐานแห่งศาสนาอิสลาม ซึ่งในการเลือกคนสำคัญคนนั้น เข้ามาร่วมชีวิต เราต้องให้ความสำคัญโดยมองถึงแนวความคิดในการสร้างครอบครัวในอนาคตของเราในรูปแบบใด เราต้องการครอบครัวของเราในลักษณะใด คนที่จะร่วมกันสร้างครอบครัวด้วยกันกับเรานั้น มีความเหมาะสมกันมากน้อยเพียงใด ทั้งแนวความคิด อารมณ์ สังคม อีคิว ไอคิว สิ่งสำคัญที่สุดคือ พื้นฐานทางความคิดของทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งพื้นฐานทางความคิดที่กล่าวถึงนี้จะหมายถึง พื้นฐานทางด้านการศรัทธาในศาสนา เราจะมองกันอย่างไรหากว่าคู่ครองของเรามีทัศนคติในการครองตน หรือหลักการศรัทธาในศาสนาที่แตกต่างกัน ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับเขาคนนั้น ให้หันมาทำความเข้าใจที่ตรงกัน เรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานทางความรู้ในหลักการอิสลาม จนกระทั่งเขาหรือเธอคนนั้น จะมีความศรัทธาอย่างหมดใจในอิสลาม จนกระทั่งสามารถปฏิบัติได้อย่างจริงจัง และพร้อมสำหรับการเป็นมุสลิมที่ดี การเรียนรู้ เพื่อที่จะศึกษาในหลักการพื้นฐานของอิสลาม จึงเป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้นสำหรับคู่รัก ที่คนรักของเขาเป็นคนต่างศาสนา ที่จะเข้ามาสู่แนวทางอิสลามทางการสมรส เพราะ ความแตกต่างทางด้านศรัทธาของคนทั้งสอง เป็นปราการด่านแรกอันจะนำไปสู่การสร้างครอบครัวที่อบอุ่นมีกลิ่นไอแห่งความเมตตา ความเป็นสิริมงคลตามที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ การที่คนสองคนที่มีพื้นฐานทางครอบครัวแตกต่างกัน ทั้งในด้านของการเลี้ยงดู ปลูกฝังแนวความคิด สติปัญญา วิถีชีวิต คุณภาพชีวิตที่แตกต่างกัน ซึ่งการมาอยู่ด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างปรับปรุงตนเอง ให้เข้ากับคนที่เรามุ่งสร้างครอบครัวและอนาคตด้วยกัน จำเป็นต้องปรับตัวเข้าหากันเพื่อหาจุดลงตัวที่เหมาะสม ก็จะสามารถดูแลซึ่งกันและกัน ดูแลครอบครัวใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้ได้อย่างลงตัว แต่สำหรับความแตกต่างในด้านการศรัทธาเป็นความแตกต่างที่เป็นนามธรรม ซึ่งความแตกต่างในเรื่องนี้ สำหรับบางคนอาจไม่ให้ความสนใจ และมองข้าม แต่ที่แท้จริงแล้ว ความแตกต่างเรื่องนี้ เป็นความแตกต่างที่ล้ำลึกและเป็นความแตกต่างที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงเป็นห่วงประชาชาติมุสลิมเป็นอันมาก หลักยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ ถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ที่คนหลายๆ คนมองข้าม แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นห่วงมากที่สุด ดังโองการอัลกุรอ่าน ซูเราะห์อาลิอิมรอน Al-Qur'an, 003.102 (Aal-E-Imran [The Family of Imran]) ความว่า



003.102 يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اتَّقُوا اللَّهَ حَقَّ تُقَاتِهِ وَلا تَمُوتُنَّ إِلا وَأَنْتُمْ مُسْلِمُونَ

003.102 O ye who believe! Fear Allah as He should be feared, and die not except in a state of Islam.



[3.102] โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลลอฮ์อย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าตาย เป็นอันขาด นอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น



จะเห็นได้ว่า ผู้ศรัทธาในพระองค์เท่านั้น ที่มุ่งปฏิบัติตามคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของพระองค์ ขณะที่ผู้ไร้ศรัทธา ต่างปฏิเสธ แนวทาง คำสั่งสอน คำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของพระองค์ ดังนั้น วิธีการและแนวปฏิบัติใดที่มาจากพระองค์ หรือตามแบบฉบับของท่านศาสดา เขาเหล่านั้นต่างไม่เชื่อถือ บางคนมีมุมมองและทัศนคติที่ไม่ดีต่อมุสลิมในการต่อต้านวิธีคิดและวิถีชีวิตมุสลิม บ้างก็มองว่าคนมุสลิมคือบุคคลที่มีความคิดสุดโต่ง “หัวรุนแรง” ไม่ฟังเหตุผล บางคนกลับมีมุมมองเพียงว่าจะบูรณาการวิธีคิดและวิถีชีวิตของเขาเข้ากับมุสลิมโดยมองในลักษณะ “ทางสายกลาง” ที่จะปรับวิธีปฏิบัติตนของคนทั้งสองให้มีมุมมองหรือวิธีคิดที่โอนอ่อนผ่อนตามกัน โดยต่างฝ่ายต่างมองกันเพียงว่าทั้งสองคน “รักกัน” ก็เพียงพอ ซึ่งแนวความคิดในลักษณะนี้ ขัดกับหลักการของอิสลามอย่างชัดเจน เพราะความคิดและการศรัทธาของบุคคลนั้น ตามแนวทางศาสนาอิสลามจะมีมุมมองในเรื่องของการศรัทธาอย่างแท้จริง จะมาก่อนปัจจัยอื่นๆ เพราะหากคนทั้งสองมีการศรัทธาน้อยหรือไม่มีความศรัทธา แล้ว ต่อให้มีปัจจัยอื่นๆ มาสนับสนุนการครองรักครองเรือนของเขา ชีวิตของเขาก็ต้องได้รับการทดสอบจากพระองค์ และการทดสอบอันยิ่งใหญ่จากพระองค์นั้น คือการทดสอบเกี่ยวกับตั้กวา (ความยำเกรง) ต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) โดยมีมุมมองว่าเรานั้นยังยอมรับในคำสั่งใช้หรือคำสั่งห้ามของพระองค์หรือไม่ เพราะในคำสั่งจากพระองค์ที่มีมายังประชาชาติทั้งหลายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ ถ้าเรามีความรู้สึก มีความซาบซึ้ง และมีความยำเกรงต่อการลงโทษจากพระองค์ ดังนั้น แนวทางในการเลือกคู่ครองของมุสลิมทั้งฝ่าย จึงเป็นปราการด่านแรกในการทดสอบอิหม่านในจิตใจของมนุษย์ เป็นการทดสอบที่มีมุมมองสะท้อนให้เห็นถึงการมีศรัทธาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการศรัทธาต่อพระองค์ ได้มากน้อยเพียงใด



พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

การที่จะเลือกคู่ครอง นอกจากจะดูแนวทางการศรัทธาจากคนที่เราจะเลือกมาเป็นคู่ครอง มาทำหน้าที่สามีของเราหรือภรรยาของเรา นั้น ปัจจัยประการต่อมาเราจะคำนึงถึงสิ่งใดตามมา ซึ่งในหลายๆ สังคม จะเน้นปัจจัยที่หลากหลาย เช่น ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล ความมีเกียรติในสังคม ทรัพย์สินเงินทอง ฐานะทางเศรษฐกิจ ความรู้ความสามารถ หน้าที่การงาน และความมีศาสนาของเขา นั้น แนวทางที่ท่านศาสดามูฮัมมัด (ซ.ล.) ได้ให้แนวทางไว้เกี่ยวกับการเลือกคู่ครองโดยเฉพาะการเลือกหญิงมาเป็นคู่ครองว่า หญิงจะถูกเลือกมาเป็นคู่ครองของชายนั้น ด้วย ทรัพย์สินของนาง คุณค่าและความดีของนาง รูปโฉมและความสวยของนาง และหลักการศรัทธาของนาง เช่นนี้ จะเห็นได้ว่า ชายมุสลิมที่จะเลือกหญิงใดมาเป็นภรรยา หรือหญิงมุสลิมจะเลือกหรือตอบรับชายใดให้มาทำหน้าที่สามีของนางนั้น เขาคนนั้น จะมีคุณสมบัติและความพึงพอใจต่อเขาหรือเธอ ซึ่งความพึงพอใจนี้ จะนำมาซึ่งความผาสุขในชีวิตสมรส ความสุขในการครองเรือน ความอบอุ่นของครอบครัวในการดูแลเอาใจใส่ต่อกุลบุตรกุลธิดา ซึ่งจะเกิดขึ้นภายหลัง

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ท่านศาสดาเน้นมากที่สุดในการเลือกคู่ครองก็คือ ความมีศาสนาของเขา เพราะแม้ว่า คนๆ นั้น ที่เราเลือกให้เขามาเป็นคู่ครอง มาเป็นกำลังสำคัญในครอบครัว ที่จะปกป้องดูแลเอาใจใส่ต่อกุลบุตร กุลธิดา และตัวเองนั้น เราต้องการสิ่งใดในตัวเขา แน่นอนเหลือเกินว่า ปัจจัยต่างๆ ที่จะมีมาจากการเลือกคู่ครองนั้น ล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่ค่อยๆ ลดลง หรือหมดไปในที่สุด เช่น ทรัพย์สิน ถ้าเรารู้จักแต่เพียงการได้มาแล้วจ่ายไปในไม่ช้าก็จะหมดสิ้นลง ความมีเกียรติ ชื่อเสียงก็เช่นกัน คู่ครองที่ขาดความสมดุลในเรื่องนี้ ในที่สุดชีวิตสมรสก็จะสะดุดหยุดลงไป แต่สำหรับการที่เรามีความศรัทธาต่อพระองค์ รู้จักขอบคุณพระองค์ที่ทรงโปรดปราณต่อเราแล้ว ปัจจัยที่ยังขาดตกบกพร่องอยู่นั้น จะสามารถเข้าถึง และมีคุณค่ามากกว่ากลุ่มชนที่ได้รับในวันนี้ อย่างแน่นอน และจะเพิ่มพูนทวีผลงอกเงยมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหมดไป คุณค่าของความมีศาสนาและรู้ยำเกรงต่อพระองค์ จะส่งเสริมให้ครอบครัวที่อยู่ในร่องรอยแห่งศาสนาของพระองค์ และมีมุมมองตลอดจนแนวความคิดต้อนรับกระแสความเปลี่ยนแปลงในโลกสมัยใหม่บนพื้นฐานความคิดที่ชัดเจนในกรอบแห่งอัลอิสลาม แน่นอน ครอบครัวดังกล่าวย่อมต่อสู้และเอาชนะอยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่เข้ามารุมเร้ารอบตัวเรา ครอบครัวของเรา อย่างทันท่วงทีและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ บนแนวความคิดแห่งอัลอิสลาม แต่สำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่มีมุมมองเชิงวัตถุหลงไปตามกระแสสังคมตะวันตกที่จะโหมกระหน่ำและกลืนกินวัฒนธรรมโลกให้เสื่อมคลายลงไป ครอบครัว ที่มีมุมมองตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งสังคมวัตถุ มองเพียงรูปร่างภายนอก หรือมองกันอย่างฟุ้งเฟื้อ ในที่สุด สภาพที่ขาดความยั้งคิดมองเป็นเพียงความต้องการในเชิงวัตถุ ครอบครัวที่มีลักษณะนี้ จึงเป็นครอบครัวที่จะออกห่างไกลแนวทางอิสลาม หรืออาจเรียกได้ว่า เป็น “มุสลิมกลายพันธ์” เพราะในครอบครัวดังกล่าว ขาดแนวทางและจิตวิญญาณ แห่งอิสลาม ความอบอุ่น สายใยรักของครอบครัวที่เกิดขึ้นตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งการแสวงหาความต้องการทางวัตถุ เมื่อสิ่งเหล่านี้เข้ามากระทบกับครอบครัว ผู้นำในครอบครัว ผู้ทำหน้าที่ปกครองของครอบครัว ไม่รู้จักปกป้องหรือป้องกันสิ่งเลวร้ายที่เข้ามาเยือนในครอบครัว ในที่สุดก็เปิดรับสิ่งเหล่านั้นโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะครอบครัวแบบนี้ ลืมหรือมองข้ามแนวทางตามหลักการทางศาสนา จนดูเหมือนเปิดรับวัฒนธรรมต่างๆ โดยไม่มีการกลั่นกรอง เพราะบนพื้นฐานของตนเองมองทุกๆ สิ่งบนพื้นฐานของความต้องการในเชิงวัตถุ

ดังนั้น เราจึงพึงสำนึกว่า ในวันแห่งการตัดสินของพระองค์ ผลงานที่เราจะนำไปประกวดประชัน หรือเป็นผลงานที่เราได้กระทำในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ในวันนี้นั้น เราต้องการสิ่งใดเป็นผลตอบแทน วันนี้เราตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานแนวความคิดอย่างไร และเรายำเกรงต่อพระองค์มากน้อยเพียงใด ดังนั้น หลักประกันอันหนึ่งที่เราจะตรวจสอบตนเองเพื่อรอรับการทดสอบจากพระองค์ในการสร้างครอบครัวใหม่ของเรา ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง นั้น เรายึดมั่นในการเลือกคู่ครองโดยใช้ปัจจัยใดเป็นเป็นตัวกำหนดในการตัดสินใจ และเราตัดสินอย่างนั้น อยู่ในกรอบแนวทางแห่งอิสลาม หรือเป็นเพียงความรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่เป็นวัตถุเพียงเท่านั้นหรือ



พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

แนวทางตามคำสอนของอิสลาม จะเน้นถึงความต่อเนื่องในการสร้างประชาชาติมุสลิมจำนวนมากในวันแห่งการตัดสินของพระองค์อัลลออฮ์ ซึ่งมนุษย์จะถูกล่อลวงจากบรรดาชัยตอนมารร้ายให้ออกห่างจากความศรัทธา การรับรู้ถึงแนวทางในการปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้และทรงห้ามมิให้กระทำ ซึ่งจากคำท้าทายของญิบรีส เมื่อครั้งมนุษย์คู่แรกที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงสร้างขึ้น เพื่อที่จะให้มนุษย์นั้นศรัทธาและมุ่งมั่นต่อการกระทำอามั้ลอิบาดัรต่อพระองค์ ถูกญิบรีส มารร้ายเข้ามาล่อลวงเพื่อที่จะมนุษย์นั้นจะออกห่างจากแนวทางของพระองค์ ไปกระทำตามแนวทางที่ญิบลีสแนะนำ จนในที่สุด ญิบลีสมีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายของการต่อต้านคำสั่งใช้และห้ามของพระองค์เพื่อที่มันจะได้ล่อลวงลูกหลานของอาดัมและฮาวาให้เหหันออกจากเป้าหมายและแนวทางที่พระองค์ทรงใช้และทรงห้าม หันไปประพฤติปฏิบัติตามอำเภอใจของตนเอง ซึ่งการล่อลวงของญิบลีส ชัยตอนมารร้ายนี้ ต้องการล่อลวงประชาชาติทั้งหลายให้ออกห่างไกลจากความเป็นมุสลิม ให้มากที่สุดมากกว่าประชาชาติที่ประพฤติตนตามกรอบและแนวทางที่พระองค์ทรงใช้และทรงห้าม ซึ่งผลดังกล่าวย่อมเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาทุกๆ คู่ ในวันแห่งการตัดสิน



ดังนั้น จึงถือเป็นหน้าที่สำคัญของประชาชาติมุสลิม ในการเริ่มต้นที่ดีที่จะสร้างครอบครัวใหม่ เป็นครอบครัวที่จะแยกย่อยมาจากครอบครัวใหญ่ของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จากพื้นฐานที่มีความแตกต่างกัน มาอยู่ร่วมกันโดยมีเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้น เราจึงต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อการรองรับพระบัญชาจากพระองค์ และแบบอย่างอันดียิ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ที่ได้ทรงวางแนวทางในการสร้างครอบครัว การเลี้ยงดูอบรมขัดเกลาบุตรธิดาที่จะเกิดขึ้นมาจากการสร้างสัมพันธ์จากการเลือกและครองคู่กับคนที่เราได้เลือกเขาไว้แล้ว เพื่อการทำหน้าที่ในการสร้างประชาชาติมุสลิมรุ่นใหม่ต่อไป



ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกๆ คน ที่จะเริ่มต้นชีวิตครอบครัว การเลือกคู่ครอง การคบหาระหว่างกัน จึงต้องคำนึงถึงคุณค่าในความเป็นศาสนิกที่ดี ซึ่งหลักกฎเกณฑ์ในการเลือกคู่ครอง การเลือกคนที่จะมาทำหน้าที่สำคัญคนนี้ พระองค์อัลลอฮ์ได้วางแนวทางและท่านศาสดาก็ได้กระทำไว้เป็นแบบฉบับที่ดีงามไว้แล้ว ซึ่งแบบฉบับดังกล่าว จะเป็นวิธีการที่จะนำมาซึ่งความผาสุขในชีวิตครอบครัว ความอบอุ่นในสายใยรักของคนในครอบครัว ที่มีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายเดียวกัน



การเลือกคู่ครองในทัศนะของอิสลาม จึงมิได้เลือกเพียงเพื่อจะเป็นการแสวงหาและได้มาซึ่งความสุข ความรื่นรมย์ทางเพศ แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ว่าการเลือกดังกล่าว จึงเป็นการเลือกที่จะมองกันอย่างยาวนาน มองกันอย่างรอบด้าน หาใช่เพียงสนองความต้องการแต่เพียงทางอารมณ์เท่านั้น เพราะหากเราแสวงหาแต่เพียงการสนองตอบในทางอารมณ์ ความพึงพอใจของคนสองคนเพียงอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน เพราะเมื่อแต่ละฝ่ายเบื่อหน่ายซึ่งกันและกัน มองในจุดที่บกพร่องของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของความสวยงามหรือรูปร่างของอีกฝ่ายหนึ่งที่จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หรือทรัพย์สินเงินทองที่ร่อยหรอ เพราะการใช้สอยที่นับวันจะค่อยๆ หมดลงไปเรื่อยๆ แต่คุณค่าและความดี หรือหลักการศรัทธาที่ยึดมั่นในหลักเกณฑ์ทางศาสนา จะเป็นสิ่งที่จะทำให้ได้มาและเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ สิ่งที่เราต้องการ ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง เกียรติยศต่างๆ เพราะในความศรัทธาที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่ นั้น จะเป็นพลังที่จะให้ได้ในทุกๆ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายขาดแคลนอยู่ พลังและความยึดมั่นในศรัทธา จึงเป็นปฐมบทของการเสริมสร้างความปรารถนาดีที่มีต่อกันของการครองคู่



ความแตกต่างระหว่างกันในการดำเนินชีวิตครอบครัว อันได้แก่ ความแตกต่างทางความคิด มุมมอง วิธีคิด และวิถีชีวิตของแต่ละฝ่าย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากพื้นฐานจากการอบรมเลี้ยงดูอันเนื่องมาจากครอบครัวเดิมของแต่ละฝ่าย กล่อมเกลามาเป็นนิสัยพื้นฐานของแต่ละฝ่าย จนเป็นความแตกต่างที่แต่ละฝ่ายจะค่อยๆ ปรับปรุงตนเองให้เข้ากันได้ หรือลดช่องว่างอันเนื่องมาจากปัญหาแห่งปัจจัยต่างๆ เหล่านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองฝ่ายจะทำความเข้าใจร่วมกัน ในการลดปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อการดำเนินชีวิตครอบครัวให้มีแต่รอยยิ้ม ความอบอุ่น เต็มไปด้วยสายใยแห่งรัก เป็นสายใยแห่งความอบอุ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานของเราที่จะกำเนิดในเวลาต่อมา การดูแลเอาใจใส่ต่อภรรยาและบุตร และการดูแลปรนนิบัติสามีและเลี้ยงดูอบรมบุตรของเขาทั้งสอง ให้มีกลิ่นไอแห่งอิสลาม ยึดตามแบบฉบับอันดีงามของท่านศาสดาในการดูแลเอาใจใส่สามี ภรรยา และบุตร ซึ่งนั่นคือปัจจัยแห่งความสำเร็จของการดำเนินชีวิตในแบบฉบับอิสลามซึ่งเป็นแบบฉบับที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงรับรองและเตรียมความพร้อมในวันกิยามัตไว้ให้แล้วด้วยความรื่นรมย์



พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

งานวะลีย์มะห์ ครั้งนี้ เป็นงานที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงให้เกียรติทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เป็นความเมตตาของพระองค์ ที่ทรงฮิกมะห์ คู่ครองที่ดีให้กับคนทั้งสอง ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ และวัฒนธรรมแปลกปลอมที่กำลังทำลายอิสลามของเราอยู่ในขณะนี้ แต่คู่นิกาห์ คู่นี้ ซึ่งเป็นมุสลิมดั้งเดิมทั้งคู่ สามารถเลือกที่จะครองคู่กัน เพราะเล็งเห็นถึงจุดมุ่งหมายปลายทางตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ซึ่งหาได้ยากมากในสังคมปัจจุบัน เพราะกระแสสังคมปัจจุบันจะมีมุมมองเกี่ยวกับความรักว่า “รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา” เป็นผลให้เกิดทัศนคติในการครองคู่ของคนโดยทั่วไปว่า จะไม่สนใจถึงแนวทางปฏิบัติที่สนองตอบพระบัญชาขององค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) สักเท่าใดนัก จะเห็นได้ตามสื่อสารมวลชนทุกๆ แขนงต่างประโคมข่าวกันอย่างกว้างขวางในแนวทางของการแต่งงานที่ผิดประเภทหรือผิดวัตถุประสงค์ในการสร้างประชากรโลกที่อยู่ในกรอบแห่งศาสนา แต่ปรากฏว่า ความไม่เป็นระเบียบอย่างนี้ เกิดขึ้นมากมายทุกหัวระแหง มีการครองคู่ระหว่างเพศเดียวกันสามารถขอใบสมรสได้ ซึ่งเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพบุคคล ซึ่งแปลกกว่าความเป็นจริงตามการสร้างของพระองค์

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

กำหนดเวลา หลักเกณฑ์ที่จะกำเนิดชีวิตมนุษย์นั้น เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ เป็นความประสงค์ที่จะให้มนุษย์ได้เกิดมาเพื่อทำการประกอบอามั้ลอิบาดัรด้วยความยำเกรงต่อพระองค์ สนองคำสั่งใช้และห้ามของพระองค์ จึงขอฝากอายะห์อัลกุรอ่านต่อไปนี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ไตร่ตรองให้เห็น ความสำคัญของการครองคู่ ความสำคัญของการกำเนิดและความสำคัญในการอยู่ร่วมครองคู่สามีภรรยา เป็นครอบครัวที่อบอุ่นตามแบบฉบับอัลอิสลาม จาก Al-Qur'an, 002.222-223 (Al-Baqara [The Cow]) ความว่า



002.222 وَيَسْأَلُونَكَ عَنِ الْمَحِيضِ قُلْ هُوَ أَذًى فَاعْتَزِلُوا النِّسَاءَ فِي الْمَحِيضِ وَلا تَقْرَبُوهُنَّ حَتَّى يَطْهُرْنَ فَإِذَا تَطَهَّرْنَ فَأْتُوهُنَّ مِنْ حَيْثُ أَمَرَكُمُ اللَّهُ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ التَّوَّابِينَ وَيُحِبُّ الْمُتَطَهِّرِينَ

002.222 They ask thee concerning women's courses. Say: They are a hurt and a pollution: So keep away from women in their courses, and do not approach them until they are clean. But when they have purified themselves, ye may approach them in any manner, time, or place ordained for you by Allah. For Allah loves those who turn to Him constantly and He loves those who keep themselves pure and clean.

[2.222] และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับประจำเดือน จงกล่าวเถิดว่า มันเป็นสิ่งให้โทษ ดังนั้นพวกเจ้า จงห่างไกลหญิง ในขณะมีประจำเดือน และจงอย่าเข้าใกล้นาง จนกว่านางจะสะอาด ครั้นเมื่อนาง ได้ชำระร่างกายสะอาดแล้ว ก็จงมาหานาง ตามที่อัลลอฮ์ทรงใช้พวกท่าน แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงชอบบรรดาผู้สำนึกผิด กลับเนื้อกลับตัว และทรงชอบ บรรดาผู้ที่ทำตนให้สะอาด



002.223 نِسَاؤُكُمْ حَرْثٌ لَكُمْ فَأْتُوا حَرْثَكُمْ أَنَّى شِئْتُمْ وَقَدِّمُوا لأنْفُسِكُمْ وَاتَّقُوا اللَّهَ وَاعْلَمُوا أَنَّكُمْ مُلاقُوهُ وَبَشِّرِ الْمُؤْمِنِينَ

002.223 Your wives are as a tilth unto you; so approach your tilth when or how ye will; but do some good act for your souls beforehand; and fear Allah. And know that ye are to meet Him (in the Hereafter), and give (these) good tidings to those who believe.



[2.223] บรรดาหญิงของพวกเจ้านั้น คือแหล่งเพาะปลูกของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้า จงมายังแหล่งเพาะปลูกของพวกเจ้า ตามแต่พวกเจ้าประสงค์ และจงประกอบล่วงหน้า ไว้สำหรับตัวของพวกเจ้า และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และพึงรู้ด้วยว่า แท้จริง พวกเจ้านั้น จะเป็นผู้พบกับพระองค์ และเจ้า จงแจ้งข่าวดี แก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายเถิด



ซึ่งแน่นอนที่สุดมนุษย์ทุกๆ คน ต่างต้องยอมจำนนต่อพระบัญชาของพระองค์ เพราะอำนาจของพระองค์ อยู่เหนือทุกๆ สิ่งในสากลโลกอย่างนั่นเอง ขอให้เราทุกคนจงยำเกรงต่อพระองค์ให้มากที่สุด และร่วมกันขอดุอาร์และแสดงความยินดีต่อคู่นิกาห์คู่นี้ ขอพระองค์อัลลอฮ์ทรงประทานริสกี ความสำเร็จ และขอให้ทั้งคู่ ครองรักครองเรือนร่วมกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่น อยู่ในแนวทางของพระองค์ นับจากนี้ ตลอดไป และขอทิ้งท้ายด้วยโองการ จาก Al-Qur'an, 022.006 (Al-Hajj [The Pilgrimage]) ความว่า



022.006 ذَلِكَ بِأَنَّ اللَّهَ هُوَ الْحَقُّ وَأَنَّهُ يُحْيِي الْمَوْتَى وَأَنَّهُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

022.006 This is so, because Allah is the Reality: it is He Who gives life to the dead, and it is He Who has power over all things.

[22.6] นั่นก็เพราะว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นพระองค์คือผู้ทรงสัจจะ และแท้จริงพระองค์ทรงให้ผู้ตายมีชีวิตขึ้น และแท้จริงพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง



إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

20 ร่อญับ 1434 (แก้ไขล่าสุด)



อ้างอิง

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com Text Copied from DivineIslam's Qur'an Viewer software v2.913

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แม้ว่าอากาศแปรปรวนก็ขอจงมีจิตใจที่หนักแน่น

มิมบัรออนไลน์


คุตบะห์วันศุกร์ 30 มุฮัรรอม 1434 (วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555)

แม้ว่าอากาศแปรปรวนก็ขอจงมีจิตใจที่หนักแน่น



الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

أَوْ كَصَيِّبٍ مِنَ السَّمَاءِ فِيهِ ظُلُمَاتٌ وَرَعْدٌ وَبَرْقٌ يَجْعَلُونَ أَصَابِعَهُمْ فِي آذَانِهِمْ مِنَ الصَّوَاعِقِ حَذَرَ الْمَوْتِ وَاللَّهُ مُحِيطٌ بِالْكَافِرِينَ

يَكَادُ الْبَرْقُ يَخْطَفُ أَبْصَارَهُمْ كُلَّمَا أَضَاءَ لَهُمْ مَشَوْا فِيهِ وَإِذَا أَظْلَمَ عَلَيْهِمْ قَامُوا وَلَوْ شَاءَ اللَّهُ لَذَهَبَ بِسَمْعِهِمْ وَأَبْصَارِهِمْ إِنَّ اللَّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

يَا أَيُّهَا النَّاسُ اعْبُدُوا رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُمْ وَالَّذِينَ مِنْ قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ



ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

จงแสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระองค์ให้มากที่สุด จงตระหนักและระวังตนเองหากมีเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจส่งผลให้จิตใจของเราอ่อนไหว สั่นคลอน และโน้มตนเองไปสู่หนทางแห่งการเอนเอียงทางด้านการศรัทธา เพราะนั่นคือสิ่งที่บั่นทอนและทำให้เราออกห่างไกลจากแนวทางอันเที่ยงตรงและใกล้ชิดกับพระองค์

หากเราพิจารณาสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนอยู่ในขณะนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเหตุการณ์ที่หลายๆ สำนักต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นอาเพศและเป็นสิ่งบอกเหตุถึงความเลวร้าย การถูกทำลายจากภัยธรรมชาติ หรือหากมองถึงความเห็นของชนกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะสะท้อนและบ่งบอกถึงภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (12122012) แต่ในแนวทางคำสอนของอิสลามที่ท่านศาสดามูฮำมัด (ซ.ล.) ได้รับวะยูฮ์จากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) แล้ว เหตุการณ์ในวันกิยามัตจะเกิดขึ้น จะมีสัญญาณทั้งสัญญาณใหญ่และสัญญาณเล็ก ปรากฏขึ้น เป็นสัญญาณเตือนภัยที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่จะอุบัติขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านศาสดาไม่ได้ระบุไว้ คือ กำหนดเวลาที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆ เมื่อใด แต่สิ่งที่แน่นอน คือ เหตุการณ์ในวันกิยามัตนั้น จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ท่านทั้งหลาย

มนุษย์ มีความเคลื่อนไหวปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งความคิด จิตใจ การกระทำ ที่แสดงออกมาทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ รวมถึงการแสดงออกทางพฤติกรรม จะเห็นว่า ผลประโยชน์ของมนุษย์ คือตัวกำหนดที่สำคัญในการแสดงออก หากเมื่อใดที่มนุษย์ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด แน่นอนว่าพฤติกรรมที่แสดงออกจะสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเขา การกระทำของเขา ซึ่งเขาจะอ่อนโยนหรือแข็งกระด้างต่อผู้หนึ่งผู้ใด และเขาจะให้หรือจะยอมฟังผู้อื่นหรือไม่ ก็ด้วยจิตใจของเขาในขณะนั้น แต่เมื่อใดที่เขาได้รับประโยชน์นั้นในปริมาณที่ลดน้อยลง หรือไม่ไดรับผลประโยชน์ใดๆ ความไม่เพียงพอในจิตใจของเขา ก็จะแสดงออกถึง ความกริ้วโกรธ ความไม่พึงพอใจในสิ่งต่างๆ การเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้อื่นที่ได้รับผลประโยชน์นั้นๆ โดยที่เขาไม่ย้อนกลับมาพิจารณาตนเองเลยว่า เขาควรแสดงออกอย่างไร เมื่อได้รับหรือไม่ได้รับผลประโยชน์ต่างๆ เหล่านั้น และเขาได้แสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกแล้วหรือยัง การแสดงออกถึงความยำเกรงอย่างยิ่งนั้น คือ บทบาทของผู้ที่น้อมรับและเกรงกลัวต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เป็นความเกรงกลัวที่สะท้อนให้เห็นถึงการมอบหมายชีวิต การมอบหมายอิบาดัร และการมอบหมายในทรัพย์สินและปัจจัยยังชีพต่างๆ ที่พระองค์ทรงตอบรับและจัดสรรด้วยความเมตตากรุณาปราณีต่อเขาเหล่านั้น หาใช่ว่ามวลมนุษย์ พึงแสดงออกถึงความขอบคุณเมื่อได้รับประโยชน์ หากแต่รู้สึกเฉยๆ เมื่อไม่ได้รับ หรือได้รับน้อยลง แน่นอนว่าทุกๆ ริสกีของพระองค์ นั้น คือการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบอันน้อยนิดหรือเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ ก็ตาม สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราพึงตระหนักให้มากยิ่ง

ท่านทั้งหลาย

ยามใดที่อากาศแปรปรวน หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม แนวทางของท่านศาสดาที่แสดงออกต่อเรื่องราวต่างๆ นั้น คือการนิ่งเฉย อดทนต่อปรากฏการณ์ต่างๆ พร้อมทั้งแสดงออกถึงความอดทนในเรื่องราวนั้นๆ เพราะนั่นคือการทดสอบจากพระองค์ เพื่อเตือนตนเองว่า สิ่งที่บกพร่อง สิ่งที่ยังขาดหรือมองข้ามไปนั้น เราคิดทบทวนบ้างหรือไม่ หาแนวทางแก้ไข ด้วยความยำกรงในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่แสดงออกถึงความท้าทาย ความเห็นที่ปราศจากแนวทางอันเที่ยงตรง เพราะทุกๆ ภัยพิบัติ (บาลา) นั้น มีริสกีแฝงเร้นไว้ การทดสอบจากพระองค์ จะมีรางวัลอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ ขอเพียงเราทั้งหลาย อย่าได้บิดพลิ้ว หรือแสดงออกเฉกเช่นเดียวกับชนผู้ปฏิเสธต่อหลักการของพระองค์ ขอให้พิจารณาโองการ 3 โองการจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 002.019-021 (Al-Baqara [The Cow]) ความว่า

002.019 أَوْ كَصَيِّبٍ مِنَ السَّمَاءِ فِيهِ ظُلُمَاتٌ وَرَعْدٌ وَبَرْقٌ يَجْعَلُونَ أَصَابِعَهُمْ فِي آذَانِهِمْ مِنَ الصَّوَاعِقِ حَذَرَ الْمَوْتِ وَاللَّهُ مُحِيطٌ بِالْكَافِرِينَ

002.019 Or (another similitude) is that of a rain-laden cloud from the sky: In it are zones of darkness, and thunder and lightning: They press their fingers in their ears to keep out the stunning thunder-clap, the while they are in terror of death. But Allah is ever round the rejecters of Faith!

19. หรือดังฝนที่หลั่งลงมาจากฟากฟ้า โดยที่ในฝนนั้นมีทั้งบรรดาความมืด ฟ้าคำรน และฟ้าแลบ พวกเขาจึงเอานิ้วมือของพวกเขาอุดหูไว้ เนื่องจากฟ้าผ่า ทั้งนี้เพราะกลัวความตาย (ตามธรรมดาสำหรับผู้มีปัญญานั้น เมื่อกลัวฟ้าผ่า ก็จะต้องหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นสื่อไฟฟ้าเสีย จึงจะได้รับความปลอดภัย ไม่ใช่เอานิ้วมืออุดหู เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียฟ้าผ่า แล้วฟ้าก็จะไม่ผ่า อันเป็นการกระทำของผู้ที่ขาดปัญญา ในทำนองเดียวกัน พวกมุนาฟิกที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมฟัง อัล-กรุอาน และคำแนะนำของท่านนะบีนั้น ก็ใช่ว่าจะพ้นการลงโทษของอัลลอฮฺได้ เพียงแต่แก้ตัวว่าไม่เคยได้ยินโองการของอัลลอฮฺและคำแนะนำของท่านนะบีเท่านั้น)และอัลลอฮฺนั้นทรงล้อม(เป็นการแจ้งให้ทราบว่าพวกเขาไม่สามารถจะหนีให้พ้นไปได้ เพราะประหนึ่งพวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว) พวกปฏิเสธการศรัทธาเหล่านั้นไว้แล้ว

002.020 يَكَادُ الْبَرْقُ يَخْطَفُ أَبْصَارَهُمْ كُلَّمَا أَضَاءَ لَهُمْ مَشَوْا فِيهِ وَإِذَا أَظْلَمَ عَلَيْهِمْ قَامُوا وَلَوْ شَاءَ اللَّهُ لَذَهَبَ بِسَمْعِهِمْ وَأَبْصَارِهِمْ إِنَّ اللَّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

002.020 The lightning all but snatches away their sight; every time the light (Helps) them, they walk therein, and when the darkness grows on them, they stand still. And if Allah willed, He could take away their faculty of hearing and seeing; for Allah hath power over all things.

20. สายฟ้าแลบแทบจะเฉี่ยวสายตาของพวกเขาไป (อัลลอฮฺทรงเปรียบเทียบว่า ความชัดเจของอัล-กรุอานนั้นให้ความเจิดจ้าประดุจสายฟ้าแลบที่แทบจะเฉี่ยวสายตาของพวกเขาไป) คราใดที่มันให้แสงสว่างแก่พวกเขา พวกเขาก็เดินไปในแสงสว่างนั้น(ทรงเทียบว่า เมื่ออัล-กรุอานได้ให้ความเข้าใจแก่พวกเขา ในสิ่งที่พวกเขายังมืดมนอยู่ (อันเปรียบเสมือนแสงฟ้าแลบที่ให้ความสว่างแก่พวกเขา) พวกเขาก็ปฏิบัติตาม (อันเปรียบเสมือนพวกที่ยืนอยู่กับที่) และเมื่อมันมืดลงแก่พวกเขา พวกเขาก็หยุดยืน แลหากอัลลอฮฺทรงประสงค์แล้ว (ถ้าอัลลอฮฺทรงประสงค์จะลงโทษพวกเขา พระองค์ก็ทรงให้ตาของพวกเขาบอดไปแล้ว เพราะมีตาก็เหมือนไม่มี เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองแต่อย่างใด) แท่นอนก็ทรงนำเอาหูและตาของพวกเขาไปแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

002.021 يَا أَيُّهَا النَّاسُ اعْبُدُوا رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُمْ وَالَّذِينَ مِنْ قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ

002.021 O ye people! Adore your Guardian-Lord, who created you and those who came before you, that ye may have the chance to learn righteousness;

21. มนุษย์เอ๋ย! จงเคารพอิบาดะฮฺ (การให้เอกภาพแเด่อัลลอฮฺด้วยความนอบน้อมถ่อมตน และจงรักภักดีต่อประองค์) พระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าที่ทรงบังเกิดพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้าเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะทรงยำเกรง

ขอให้เราทั้งหลายพึงตระหนัก และปรับปรุงตนเองให้ได้ใกล้ชิดต่อพระองค์ และดูแลทุกๆ คนในปกครองให้อยู่ในแนวทางอันเที่ยงตรง ขอฝากอัลฮาดีส ความว่า

A man from among those who were before you was called to account. Nothing in the way of good was found for him except that he used to have dealings with people and, being well-to-do, he would order his servants to let off the man in straitened circumstances [from repaying his debt]. He (the Prophet p.b.u.h) said that Allah said: We are worthier than you of that (of being so generous). Let him off. Source : Hadith Qudsi 12

ทางที่ดีงามที่สุด คือหนทางที่เรานั้นประพฤติปฎิบัติตนในแบบฉบับของท่านศาสดาและแนวทางตามคำสอนของอัลกุรอ่าน อย่าได้ปล่อยจิตใจของเราออกห่างไกล แท้จริงนั้น เราควรจดจำวิธีปฏิบัติและการแสดงออกในหนทางที่ดีงามเฉกเช่นการปฏิบัติตนของท่านศาสดา (ซ.ล.)



إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

ทุกๆ ความดีงามและความประเสริฐ จากมิมบัรออนไลน์นี้

ข้าพเจ้า ขอต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงตอบรับดุอาร์ และขอให้คุณแม่ของผมได้มีส่วนร่วมในผลงานนี้ด้วย

และขอต่อพระองค์ทรงตอบรับดุอาร์และให้อภัยโทษต่อคุณแม่ของผม ด้วยเทอญ

อามีน



อ้างอิง

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp , www.DivineIslam.com

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ธรรมนูญสูงสุดแห่งชีวิต

มิมบัรออนไลน์


คุตบะห์วันศุกร์ 23 มุฮัรรอม 1434 (วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555)



ธรรมนูญสูงสุดแห่งชีวิต



الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

ขอให้เราทั้งหลายจงยำเกรงต่อพระองค์ให้มาก เพราะความยำเกรงต่อพระองค์ คือ หัวใจสำคัญแห่งงการปฏิบัติศาสนกิจ ขอให้เราทั้งหลายอย่าได้บกพร่องต่อการปฏิบัติอามั้ลเพื่อพระองค์ และยอมจำนนศิโรราบต่อพระองค์เพื่อภาคผลที่สมบูรณ์ในศาสนกิจเพื่อพระองค์

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้ผ่านพ้นการเฉลิมฉลองเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ การเทิดทูนสถาบันสูงสุดของประเทศ และวันฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขอให้เราลองย้อนตรวจสอบตนเองดูว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เราได้แง่คิดเช่นไรบ้าง และแง่คิดดังกล่าวนั้นก่อให้เกิดแง่มุมต่อกิจวัตรที่สำคัญในแง่ของความเปลี่ยนแปลงตนเองมากน้อยเพียงใด เพราะช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สะท้อนให้เรามองเห็นถึงการปฏิบัติศาสนกิจ จุดมุ่งหมายแห่งการกระทำ ภาคผลของอิบดัร และเป้าหมายแห่งศาสนกิจนั้นมุ่งตรงสู่พระองค์หรือเพียงเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดหรือไม่ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ซึ่งนักการเมืองใช้เป็นประเด็นที่จะจูงใจประชาชนโดยมองประโยชน์และความได้เปรียบของกลุ่มพวกแห่งตนที่จะชนะการเลือกตั้งเข้าสู่การใช้อำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการเข้าสู่อำนาจของสมาชิกรัฐสภา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ความได้เปรียบของกลุ่มนักการเมืองต่อผลการเลือกตั้ง การแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทสูงสุดในการปกครองประเทศ การแก้ไขในแต่ละครั้งทำได้ค่อนข้างยากมาก บางกลุ่มใช้เป็นประเด็นทางการเมืองต้องการแก้ไข แต่ในบางกลุ่มก็ไม่ต้องการแก้ไข และทุกครั้งที่มีความขัดแย้งทางการเมืองก็มักจะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็นกลุ่มที่จะสนับสนุนหรือทำการต่อต้าน รวมทั้งใช้กำลังทหารเพื่อการปฏิวัติรัฐประหารเปลี่ยนแปลงกฎหมายสูงสุดนี้ตามความพึงพอใจของผู้ที่ได้อำนาจและต้องการรักษาอำนาจนั้นไว้ให้กับกลุ่มหรือคณะแห่งตนโดยการกล่าวอ้างเพียงเพื่อประโยชน์ประชาชน จะเห็นได้ว่า เมื่อเวลาเปลี่ยนไป อำนาจเปลี่ยนไป กฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการรักษาอำนาจรักษากฎกติกาเพียงเพื่อความหวงแหนอำนาจนั้นไว้ แต่ในแง่มุมแห่งกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าในปัจจุบันแพทย์สามารถแปลงเพศชายให้กลายเป็นหญิงได้ในทางการแปลงอวัยวะภายนอก แต่สรีระ โครงสร้าง ตลอดจนยีน ไม่สามารถแปลงได้ หรือแม้แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วในบางประเทศ มีการแก้ไขปรับปรุงให้กลุ่มข้ามเพศเหล่านี้สามารถแต่งงานกันได้ทางกฎหมายและสิทธิ์เหล่านี้ผูกพันกันทางทรัพย์สินต่างๆ ได้ รวมถึงการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งเสรีเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาการสำส่อนทางเพศอย่างเสรีโดยปราศจากความละอายต่อพระองค์ ทั้งๆ ที่การเข้าใกล้ซินา คือความโสมมและความเลวทรามแต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเหล่านี้ กลับมีมุมมองที่หละหลวมมองเพียงความอยู่รอดทางสังคม ความสบายใจของมนุษย์โดยมองข้ามคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของพระองค์ กระทบต่อกฎเกณฑ์และกำแพงแห่งศีลธรรมจรรยา

ท่านทั้งหลาย

อัลกุรอ่าน พระคัมภีร์แห่งพระองค์ที่ทรงประทานให้ท่านศาสดามูฮัมมัด (ซ.ล.) ในการประกาศคำสอนนี้แก่มวลประชาชาติทั้งหลาย อัลกุรอ่าน ได้กล่าวถึงความจริง และการท้าทายให้ผู้ที่สงสัยได้พิสูจน์ความจริงที่ได้กล่าวไว้ และผลแห่งการพิสูจน์เมื่อได้ประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งหลายแล้ว แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นย่อมจำนนต่อข้อพิสูจน์จากพระองค์ และพร้อมกลับสู่แนวทางอันเที่ยงตรง ขอให้พิจารณาโองการจากอัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 002.079 (Al-Baqara [The Cow]) ความว่า

002.079 فَوَيْلٌ لِلَّذِينَ يَكْتُبُونَ الْكِتَابَ بِأَيْدِيهِمْ ثُمَّ يَقُولُونَ هَذَا مِنْ عِنْدِ اللَّهِ لِيَشْتَرُوا بِهِ ثَمَنًا قَلِيلا فَوَيْلٌ لَهُمْ مِمَّا كَتَبَتْ أَيْدِيهِمْ وَوَيْلٌ لَهُمْ مِمَّا يَكْسِبُونَ

002.079 Then woe to those who write the Book with their own hands, and then say:"This is from Allah," to traffic with it for miserable price!- Woe to them for what their hands do write, and for the gain they make thereby.

79. ดังนั้นความวิบัติจะได้แก่บรรดาผู้ที่เขียนคัมภีร์ขึ้นด้วยมือของตนเอง แล้วกล่าวว่า นี่แหละมาจากอัลลอฮ์ เพื่อพวกเขาจะได้นำมันไปแลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย (หมายถึง ข้อความที่เขาเขียนขั้นนั้น มีเจตนาที่จะสนับสนุนปฏิบัติการของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์เป็นการตอบแทน) ดังนั้นความวิบัติจะได้แก่พวกเขา เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกเขาได้เขียนขึ้นและความวิบัตินั้นจะได้แก่พวกเขา เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาแสวงหาไว้

จะเห็นได้ว่า อัลกุรอ่าน หาใช่คัมภีร์ที่เหล่าบรรดาชนทั้งหลายจะเขียนขึ้นมาเอง และไม่มีนักประพันธ์คนใดที่จะมีความสามารถที่จะเรียงร้อยถ้อยคำอันไพเราะและมีความหมายที่กินใจ เป็นทั้งคำสั่งห้ามคำสั่งใช้ ประวัติศาสตร์ ข้อปฏิบัติ การสื่อสาร การเล่าความที่เกี่ยวเนื่องกันตลอดทั้งเล่ม การกล่าวถึงความน่าสะพรึงกลัวในการลงโทษของพระองค์ การกล่าวถึงความสุขในสรวงสวรรค์สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังนั้น การที่ท่านศาสดานำโองการจากพระองค์มาประกาศแก่ปวงชนนั้น หาใช่สิ่งที่ท่านสามารถกระทำได้เพราะท่านมิใช่เป็นนักประพันธ์ ท่านมิใช่นักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ ท่านเป็นเพียงชายที่ไร้การศึกษา อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ดังนั้น ทุกๆ วจนารถที่ท่านนำมาประกาศ จึงเป็นพระประสงค์จากพระองค์ หาใช่ทรรศนะหรือการวินิจวิเคราะห์ของท่านศาสดา ดังโองการที่ได้หยิบยกมานี้ นั่นคือประจักษ์พยานที่สำคัญที่พระองค์ได้จำแนกไว้จากคัมภีร์ของพระองค์

ท่านทั้งหลาย

คัมภีร์ที่มีมาก่อนหน้าอัลกุรอ่าน ถูกทำลายด้วยการบิดเบือนรากฐานแห่งความศรัทธาต่อพระองค์ รากฐานของการปฏิบัติที่บิดพลิ้วไปจากแนวทางเพื่อพระองค์ตามจุดมุ่งหมายของผู้ที่ต้องการนั่นย่อมเป็นมูลเหตุพื้นฐานของการทำลาย การปรับปรุงแก้ไขหลักการของพระองค์นั้น มนุษย์ไม่สามารถกระทำได้ แม้ว่ามนุษย์จะประชุมร่วมกันเพื่อแก้ไขปรับปรุงก็ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน นอกจากพระองค์แล้วไม่มีผู้ใดที่จะมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพระดำรัสของพระองค์ได้ ความสูงสุดของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน คือ การที่ประชาชาติทั้งหลายมุ่งมั่นปฏิบัติตามนัยแห่งคำสั่งใช้และห้ามจากพระองค์ การที่มุสลิมนำพระดำรัสของพระองค์มาใช้ปฏิบัติ การท่องจำอัลกุรอ่าน การเรียนการสอนอัลกุรอ่าน และการนำเอาแนวทางของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลักการของพระองค์เป็นหลักยึดเหนี่ยวสำคัญเป็นหลักปฏิบัติที่มุ่งเน้นย้ำให้ทุกๆ คนได้มุ่งตรงต่อพระองค์ และความสูงสุดแห่งโองการของพระองค์ คือ ไม่มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเหมือนดังเช่นการออกกฎหมายของมนุษย์ที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป หรือล้มเลิกแล้วเขียนขึ้นใหม่ทั้งฉบับหากผู้ที่มีอำนาจต้องการ เพราะนั่นเป็นการกระทำที่ละเมิดความเป็นนิติรัฐ ไม่ใช่การมุ่งตรงต่อความเป็นที่สุดของธรรมนูญสูงสุดที่ใช้ปกครองคน หากแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและอำนาจของปวงชน การใช้อำนาจรัฐที่ละเมิดขอบเขตเสรีภาพทางกฎหมายเพื่อประชาชน หาใช่การมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อสนองตอบเสรีภาพของประชาชน แต่มุ่งเพียงตอบสนองผู้ใช้อำนาจรัฐเพียงเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากธรรมนุญสูงสุดของมวลมุสลิมของพระองค์ (อัลกุรอ่าน) ที่ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพราะความสมบูรณ์แห่งอัลกุรอ่านธรรมนูญสูงสุดแห่งชีวิต



إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

ทุกๆ ความดีงามและความประเสริฐ จากมิมบัรออนไลน์นี้

ข้าพเจ้า ขอต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงตอบรับดุอาร์ และขอให้คุณแม่ของผมได้มีส่วนร่วมในผลงานนี้ด้วย

และขอต่อพระองค์ทรงตอบรับดุอาร์และให้อภัยโทษต่อคุณแม่ของผม ด้วยเทอญ

อามีน



อ้างอิง

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com