มิมบัรออนไลน์ เป็นบทความเชิงศาสนาที่เน้นย้ำให้มุสลิมยำเกรงต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.)เพราะทุกคน ต้องกลับไปยังพระองค์ ทุกๆ วันศุกร์ มุสลิมต้องมาทบทวนตนเอง ว่าเราอยู่ในแนวทางอันเที่ยงตรงของพระองค์หรือไม่
วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ประคับประคองเด็กๆ ด้วยความรัก
คุตบะห์วันศุกร์ 9 ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433 (วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555)
ประคับประคองเด็กๆ
ด้วยความรัก
الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
يَا
بُنَيَّ أَقِمِ الصَّلاةَ وَأْمُرْ بِالْمَعْرُوفِ وَانْهَ عَنِ الْمُنْكَرِ
وَاصْبِرْ عَلَى مَا أَصَابَكَ إِنَّ ذَلِكَ مِنْ عَزْمِ الأمُورِ
وَلا
تُصَعِّرْ خَدَّكَ لِلنَّاسِ وَلا تَمْشِ فِي الأرْضِ مَرَحًا إِنَّ اللَّهَ لا
يُحِبُّ كُلَّ مُخْتَالٍ فَخُورٍ
وَاقْصِدْ
فِي مَشْيِكَ وَاغْضُضْ مِنْ صَوْتِكَ إِنَّ أَنْكَرَ الأصْوَاتِ لَصَوْتُ
الْحَمِيرِ
يَا
أَيُّهَا النَّاسُ اتَّقُوا رَبَّكُمْ وَاخْشَوْا يَوْمًا لا يَجْزِي وَالِدٌ عَنْ
وَلَدِهِ وَلا مَوْلُودٌ هُوَ جَازٍ عَنْ وَالِدِهِ شَيْئًا إِنَّ وَعْدَ اللَّهِ
حَقٌّ فَلا تَغُرَّنَّكُمُ الْحَيَاةُ الدُّنْيَا وَلا يَغُرَّنَّكُمْ بِاللَّهِ
الْغَرُورُ
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
จงยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์
ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา ผู้ทรงยิ่งในความเมตตาต่อปวงบ่าว ของพระองค์
แท้จริงจุดมุ่งหมายในการทำอิบาดัร ก็คือการเข้าถึงความยำเกรงต่อพระองค์
ยำเกรงว่าวันหนึ่งมนุษย์ต้องถูกสอบสวนในอามั้ลหรือการกระทำของเขาในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่
ดังนั้น ท่านทั้งหลายและตัวข้าพเจ้า
จึงต้องตรวจสอบอามั้ลของตนเองว่าอามั้ลของเรานั้นสมบูรณ์หรือ มีความบกพร่องในจุดใดบ้าง
เราจะแก้ไขหรือปรับปรุงในส่วนใดบ้าง
พี่น้องผู้มีความมั่นคงในอิหม่านทั้งหลาย
ในเรื่องการทดสอบของพระองค์อัลลอฮ์
(ซ.บ.) นั้น
แท้จริงพระองค์จะทดสอบมนุษย์ในสิ่งที่เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาครอบครองอยู่ สองสิ่ง
นั่นคือ ทรัพย์สิน และลูกหลาน พี่น้องครับ ทั้งสองสิ่งที่จะถูกสอบสวนนั้น
สิ่งที่มีความสำคัญและใกล้ชิดกับเรามากที่สุด นั่นคือลูกหลานของเรา
ทำอย่างไรที่เราจะดูแลพวกเขาให้เป็นอุมมะห์ที่ดีของพระองค์
ทำอย่างไรเขาเหล่านั้นจะเป็นลูกที่ซอและห์ พี่น้องครับ ลุกมาน
เป็นตัวอย่างที่ดีในการเลี้ยงดูอบรมพวกเขาทั้งในเรื่องมารยาทที่ดี
การทำอิบาดัรต่อพระองค์
การยำเกรงต่อพระองค์ จากโองการในอายะห์ของซูเราะห์ลุกมาน Al-Qur'an, 031.017 (Luqman [Luqman]) ความว่า
031.017 يَا بُنَيَّ أَقِمِ الصَّلاةَ
وَأْمُرْ بِالْمَعْرُوفِ وَانْهَ عَنِ الْمُنْكَرِ وَاصْبِرْ عَلَى مَا أَصَابَكَ
إِنَّ ذَلِكَ مِنْ عَزْمِ الأمُورِ
031.017 "O my son! establish regular prayer,
enjoin what is just, and forbid what is wrong: and bear with patient constancy
whatever betide thee; for this is firmness (of purpose) in (the conduct of)
affairs.
[31.17] โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และจงใช้กันให้กระทำความดี
และจงห้ามปรามกันให้ละเว้นการทำความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่ประสบกับเจ้า แท้จริง
นั่นคือส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่น มั่นคง
สิ่งที่พ่อแม่จะต้องผลักดันให้ลูก
ๆ ปฏิบัติ จนเป็นนิสัยที่เป็นนิจสิน นั่นคือ การทำอิบาดัรต่อพระองค์
พ่อแม่จึงต้องอบรมสั่งสอนลูกๆ
ให้คำนึงถึงการประกอบอิบาดัรทำอย่างไรที่จะทำให้เขาสามารถทำได้ ท่านศาสดามูฮำหมัด (ซ.ล.) แนะนำให้พ่อแม่อบรมสั่งสอนในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูเด็กๆ
ในการปกครองซึ่งต้องสอนให้เขาเรียนรู้และฝึกปฎิบัติการทำละหมาดและทำอิบาดัรอื่นๆ เมื่อเขามีอายุได้ 7 ปี
และจงเฆี่ยนตีเขาถ้าเขาไม่เชื่อฟังหรือแสดงออกถึงความดื้อรั้นไม่ปฏิบัติ
เมื่อเขาอายุ 10 ปี พี่น้องครับ แนวทางจากกิตาบุ้ลลอฮ์และซุนนะห์ที่ยกมานี้
จะเห็นได้ว่า หน้าที่ของพ่อแม่ในการอบรมเลี้ยงดูบุตรให้อยู่ในร่องรอยของศาสนา
ด้วยการที่ให้เด็กๆ
ได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติอามั้ลอิบาดัรให้เป็นกิจวัตรหนึ่งในการดำเนินชีวิต
รู้จักแยกแยะในสิ่งที่ดีงาม ความถูกต้องชอบธรรม และการกระทำอันไม่พึงประสงค์
ซึ่งจะทำให้เขาได้เริ่มต้นชีวิตความเป็นมุสลิมที่ดีงาม
มีความอดทนในการประกอบอิบาดัร
อดทนที่จะดำรงตนอยู่ในหนทางในความเป็นมุสลิมอย่างมั่นคง
พี่น้องครับ
ในยุคปัจจุบันสังคมของเราเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว
หลายครอบครัวยังมีกิจวัตรที่ไม่มีความแตกต่างจากชนต่างศาสนิกเท่าใดนัก
เสียงที่ได้ยินจากบ้านแต่ละหลัง แยกไม่ออกระหว่างเสียงดนตรี เสียงเพลง
เสียงจากโทรทัศน์ หรือเสียงการอ่านกุรอ่าน เพราะทุกวันนี้
สิ่งเร้าทางสังคมมีมากกว่าเสียงเรียกร้องให้มีการเอาใจใส่ต่อการกระทำอิบาดัรต่อพระองค์อัลลอฮ์
(ซ.บ.)
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
การเลี้ยงดูอบรมบุตรหลานของเรานั้น
นอกจากการให้เขาได้ปฏิบัติในเรื่องการทำอามั้ล
อิบาดัรแล้ว สิ่งที่ควบคู่กัน
ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาจะต้องเรียนรู้ในการเข้าสู่สังคม
การติดต่อสัมพันธ์กับคนทั้งหลาย นั่นคือ การมีมารยาทต่อสังคม จากซูเราะห์ลุกมาน
พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้มีโองการ ของซูเราะห์ลุกมาน
Al-Qur'an, 031.018-019 (Luqman [Luqman]) ความว่า
031.018 وَلا
تُصَعِّرْ خَدَّكَ لِلنَّاسِ وَلا تَمْشِ فِي الأرْضِ مَرَحًا إِنَّ اللَّهَ لا
يُحِبُّ كُلَّ مُخْتَالٍ فَخُورٍ
031.018 "And
swell not thy cheek (for pride) at men, nor walk in insolence through the
earth; for Allah loveth not any arrogant boaster.
[31.18] และเจ้าอย่าหันแก้ม (ใบหน้า) ของเจ้าให้แก่ผู้คนอย่างยะโส
และอย่าเดินไปตามแผ่นดินอย่างไร้มรรยาท แท้จริง อัลลอฮ์ มิทรงชอบทุกผู้หยิ่งจองหอง
และผู้คุยโวโอ้อวด
031.019 وَاقْصِدْ
فِي مَشْيِكَ وَاغْضُضْ مِنْ صَوْتِكَ إِنَّ أَنْكَرَ الأصْوَاتِ لَصَوْتُ
الْحَمِيرِ
031.019 "And be
moderate in thy pace, and lower thy voice; for the harshest of sounds without
doubt is the braying of the ass."
[31.19] และเจ้าจงก้าวเท้าของเจ้าพอประมาณ และจงลดเสียงของเจ้าลง แท้จริง
เสียงที่น่าเกลียดยิ่งคือเสียง (ร้อง) ของลา
จะเห็นได้ว่า
การมีมารยาทต่อสังคมในการพบปะพูดคุยกันนั้น การกระทำของเราจะบ่งบอกถึงนิสัยของเรา
และจะบอกต่อไปถึงลักษณะการเลี้ยงดูอบรมของพ่อแม่ที่มีต่อบุตรของเขา
ซึ่งพ่อแม่จะต้องอบรมสั่งสอนพวกเขาให้เป็นคนที่มีอัธยาศัย ที่ดีต่อเพื่อน ๆ ของเขา
ทั้งในเรื่องของการแสดงออกทางใบหน้า
ความมีมารยาทที่ดีในการติดต่อสื่อสารสัมพันธ์กัน
อย่ากระทำหรือแสดงออกถึงความเย่อหยิ่ง ยะโส หรือโอ้อวด นอกจากนี้
ในการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเดินก็ควรที่ก้าวเท้าพอประมาณ
การใช้เสียงในการพูดคุยกัน ก็ไม่ควรมีน้ำเสียงที่ดังเกินไปในการพูดคุยกัน
ควรระวังรักษามายาทในการติดต่อกับเพื่อนๆ หรือคนอื่นๆ
ซึ่งการกระทำอันเป็นที่น่ารังเกียจนั้น เป็นการกระทำที่พระองค์ไม่ทรงพึงประสงค์
อันจะทำให้การกระทำของเขานั้นอยู่ห่างจากเราะห์มัตของพระองค์
พี่น้อง
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้น
เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ เป็นความหวัง ที่มีพลังว่า พ่อแม่นั้น
จะถูกสอบสวนถึงหน้าที่ของตนเองในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนพวกเขา
เพราะหน้าที่ในการให้การอบรมเลี้ยงดูพวกเขาเหล่านั้น
เพื่อให้เขาได้มีแนวทางการดำรงตน
การดำเนินชีวิตให้อยู่ในร่องรอยของศาสนา
พ่อแม่หลายคนก็มุ่งหวังว่าลูกของตนจะเป็นลูกที่ซอและห์
คอยขอดุอาร์ให้ยามที่พ่อหรือแม่กลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์ อย่างไรก็ตาม พี่น้องพึงต้องยำเกรงต่อพระองค์
เพราะในวันแห่งความสอบสวนนั้น ไม่ว่าเราจะเลี้ยงดูอบรมเขาได้ดีหรือไม่ดีอย่างไร
นั้น ทั้งพ่อและแม่ หรือลูก
ก็ไม่อาจเรียกร้องต่อพระองค์ถึงการขอความช่วยเหลือที่จะถูกลงโทษได้
เพราะการถูกล่อลวงจากชัยตอนมารร้าย ในสิ่งที่เราประพฤติ
ปฏิบัติในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ ดังโองการของซูเราะห์ลุกมาน Al-Qur'an, 031.033 (Luqman [Luqman]) ความว่า
031.033 يَا
أَيُّهَا النَّاسُ اتَّقُوا رَبَّكُمْ وَاخْشَوْا يَوْمًا لا يَجْزِي وَالِدٌ عَنْ
وَلَدِهِ وَلا مَوْلُودٌ هُوَ جَازٍ عَنْ وَالِدِهِ شَيْئًا إِنَّ وَعْدَ اللَّهِ
حَقٌّ فَلا تَغُرَّنَّكُمُ الْحَيَاةُ الدُّنْيَا وَلا يَغُرَّنَّكُمْ بِاللَّهِ
الْغَرُورُ
031.033 O mankind!
do your duty to your Lord, and fear (the coming of) a Day when no father can
avail aught for his son, nor a son avail aught for his father. Verily, the
promise of Allah is true: let not then this present life deceive you, nor let
the chief Deceiver deceive you about Allah.
[31.33] โอ้มนุษย์เอ๋ย
พวกเจ้าจงยำเกรงพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด
และจงกลัววันหนึ่งที่พ่อไม่อาจจะช่วยลูกของเขาได้
และลูกก็ไม่อาจจะช่วยพ่อของเขาได้แต่อย่างใด
แท้จริงสัญญาของอัลลอฮ์นั้นเป็นความจริง
ดังนั้นอย่าให้การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ล่อลวงพวกเจ้า และอย่าให้หัวหน้าพวกล่อลวง (ชัยตอน)
มาหลอกลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮ์เป็นอันขาด
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
นับเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะมาทบทวนกันถึงหน้าที่ของพ่อและแม่
ที่มีต่อลูกนั้น
พ่อและแม่จะต้องอบรมเลี้ยงดูให้เขาเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาท มีมารยาทที่ดีงาม
ปฏิบัติศาสนกิจที่มุ่งมั่นด้วยความยำเกรงต่อพระองค์
ซึ่งความมุ่งมั่นที่พ่อและแม่มีต่อบุตรของเขานั้น
จะเป็นภาคผลที่ดีต่อตัวพ่อและแม่เองในยามที่พ่อหรือแม่จะต้องพรากจากเขากลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์
พี่น้องครับ เห็นแล้วใช่ไหม ถ้าวันนี้เรายังขาดตกบกพร่องในการทำหน้าที่พ่อหรือแม่
ปล่อยปละละเลยอยู่ในความครอบงำของชัยตอนมารร้ายแล้ว ยังไม่เร่งรีบที่หวนกลับเข้ามาอยู่ในร่องรอยและแนวทางของศาสนา
เราจึงควรทำใจได้เลยว่า ในวันแห่งการสอบสวน วันแห่งการตอบแทนนั้น พ่อหรือแม่
แม้จะมีความรักต่อลูกสักปานใดก็ตาม ความรักดังกล่าวนั้น
ไม่เป็นที่ยอมรับหรือการรับฟังจากพระองค์ที่จะช่วยเหลือลูกของเขาให้พ้นไฟจากไฟนรกได้
และบรรดาลูกๆ ทั้งหลายก็ไม่อาจช่วยเหลือพ่อหรือแม่ของเขาได้เช่นกัน
ดังนั้นในวันนี้ หน้าที่ของพ่อแม่ที่พวกเราหลายท่านมีบทบาทต่อเขาเหล่านั้น จึงต้องหันมาทบทวนบทบาทของเรา
ในการที่จะเอาใจใส่ต่อเขาเหล่านั้น
ด้วยความรักความเอื้ออาทรและความเกื้อกูลต่อพวกเขาเหล่านั้น
การกระทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีต่อเขา
เป็นแบบฉบับในการดำเนินชีวิตให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ
ทั้งจากการล่อลวงจากสิ่งเร้าทั้งหลายตลอดจน การคุ้มครองปกป้องด้วยเกราะกำบังอีนทรงพลังยิ่งจากหลักปฏิบัติของท่านศาสดาที่เป็นแบบฉบับอันดีงามและเป็นหนทางที่เที่ยงตรงมุ่งมั่นต่อพระเมตตากรุณาจากพระองค์
ซึ่งเราทั้งหลายจึงต้องหันมาทบทวนบทบาทของเราว่า
สิ่งที่จะถูกสอบสวนต่อพระองค์ในวันแห่งการตัดสินนั้น คือทรัพย์สินและลูกหลาน นั้น
วันนี้เราทำหน้าที่ของเราได้อย่างเหมาะสมเพียงพอดีแล้วหรือยัง
إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ
يُصَلُّونَ
عَلَى النَّبِيِّ
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ
آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا
تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا
حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ
حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ
وَالإحْسَانِ
وَإِيتَاءِ
ذِي الْقُرْبَى
وَيَنْهَى
عَنِ الْفَحْشَاءِ
وَالْمُنْكَرِ
وَالْبَغْيِ
يَعِظُكُمْ
لَعَلَّكُمْ
تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ
رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ
عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ
لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
والسَلامٌ
มูฮำหมัด สันประเสริฐ
9 ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433
อ้างอิง
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย
สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์
แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com
อัลฮาดีซ :
Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com
วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
สันติสุขของครอบครัวตือสันติสุขของสังคม
คุตบะห์วันศุกร์ 2 ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433 (วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555)
สันติสุขของครอบครัว
คือสันติสุขของสังคม
الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
الرِّجَالُ
قَوَّامُونَ عَلَى النِّسَاءِ بِمَا فَضَّلَ اللَّهُ بَعْضَهُمْ عَلَى بَعْضٍ
وَبِمَا أَنْفَقُوا مِنْ أَمْوَالِهِمْ فَالصَّالِحَاتُ قَانِتَاتٌ حَافِظَاتٌ
لِلْغَيْبِ بِمَا حَفِظَ اللَّهُ وَاللاتِي تَخَافُونَ نُشُوزَهُنَّ فَعِظُوهُنَّ
وَاهْجُرُوهُنَّ فِي الْمَضَاجِعِ وَاضْرِبُوهُنَّ فَإِنْ أَطَعْنَكُمْ فَلا
تَبْغُوا عَلَيْهِنَّ سَبِيلا إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيًّا كَبِيرًا
وَإِنْ
خِفْتُمْ شِقَاقَ بَيْنِهِمَا فَابْعَثُوا حَكَمًا مِنْ أَهْلِهِ وَحَكَمًا مِنْ
أَهْلِهَا إِنْ يُرِيدَا إِصْلاحًا يُوَفِّقِ اللَّهُ بَيْنَهُمَا إِنَّ اللَّهَ
كَانَ عَلِيمًا خَبِيرًا
وَاعْبُدُوا
اللَّهَ وَلا تُشْرِكُوا بِهِ شَيْئًا وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَانًا وَبِذِي
الْقُرْبَى وَالْيَتَامَى وَالْمَسَاكِينِ وَالْجَارِ ذِي الْقُرْبَى وَالْجَارِ
الْجُنُبِ وَالصَّاحِبِ بِالْجَنْبِ وَابْنِ السَّبِيلِ وَمَا مَلَكَتْ
أَيْمَانُكُمْ إِنَّ اللَّهَ لا يُحِبُّ مَنْ كَانَ مُخْتَالا فَخُورًا
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
การอบรมเลี้ยงดูบุตร
คือภารกิจสำคัญของผู้ที่ทำหน้าที่พ่อแม่ ที่ต้องให้สิ่งที่ดี มีสาระ
สร้างโอกาสและสร้างเสริมความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม
ตรงตามแนวทางที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงรักและตามกิจวัตรอันดียิ่งของท่านศาสดา
สิ่งสำคัญในวินกิยามัตที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) จะทรงสอบสวนประชาชาติทั้งหลายนอกเหนือจากการทำอามั้ลที่พระองค์ทรงใช้และสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามแล้ว
นั้น ทรัพย์สินและลูกหลานของเราก็เป็นสิ่งที่พระองค์จะใช้เป็นตัวประกอบหนึ่งในการสอบสวนและการลงโทษในวันแห่งการตัดสิน
ดังนั้น
ช่วงที่ท่านทั้งหลายมีเวลาและโอกาสสำคัญในขณะที่เขาเหล่านั้นยังเป็นเด็กเล็กๆ
หรือเป็นช่วงที่การสั่งสอนอบรมจากพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญที่เขาเหล่านั้นพร้อมทำตามโดยไม่มีการโต้เถียง
หรือมีความคิดขัดแย้ง จึงเป็นช่วงที่เราจะปลูกฝังสิ่งที่ดีๆ
แนวทางตามซุนนะห์วั้ลญ่ามาอะห์ ได้อย่างเต็มที่และสิ่งเหล่านั้น
เขาจะกระทำตามตัวอย่างที่เราชี้นำ ดังนั้น ความยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) จะถูกแสดงออกมาจากการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานของเราให้อยู่ในแนวทางอั้ลอิสลามในทุกๆ
การกระทำของเขา และตัวอย่างจากบิดามารดาของเขานั่นเอง
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
การดำเนินชีวิตประจำวันของครอบครัวมุสลิม
หรือครอบครัวอื่นๆไม่ว่าครอบครัวนั้น จะเป็นครอบครัวเล็กหรือครอบครัวใหญ่
ต่างย่อมเกิดปัญหาด้วยกันแทบทั้งสิ้น ปัญหาอันเกิดขึ้นจากพื้นฐานของแต่ละคนที่มีที่มาแตกต่างกันมาอยู่ร่วมกัน
การปรับตัวเข้าหากันจึงเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงคุณค่า คุณธรรม
รวมถึงความสามารถของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันตามประสบการณ์ที่แต่ละคนผ่านกระบวนการขัดเกลาทางสังคมมาในช่วงชีวิต
การดำเนินชีวิตของแต่ละคนจึงมีความแตกต่างกัน การสร้างความประนีประนอมระหว่างกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ที่จะปกปักรักษาความสามัคคีระหว่างกันไว้อย่างยาวนาน สิ่งที่ใกล้ชิดกับทุกๆ
ครอบครัว นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสานสัมพันธ์ในครัวเรือน การอบรมเลี้ยงดูบุตร
การดำเนินชีวิตครอบครัว ที่จะสร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครอบครัว
เป็นตัวหลักสำคัญของการดำเนินชีวิต
ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างคู่สามีภรรยาแต่ละคู่
ที่ต่อมาจะมีสถานภาพของความเป็นพ่อหรือแม่
จึงเป็นภารกิจสำคัญและยิ่งใหญ่เป้นจุดเริ่มต้นการสร้างความร่มเย็นเป็นสุขของสังคม
แนวทางในการดำเนินชีวิตครอบครัว ตามที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงมีโองการซูเราะห์อันนิซาร์ Al-Qur'an,
004.034 (An-Nisa [Women]) ความว่า
004.034 الرِّجَالُ
قَوَّامُونَ عَلَى النِّسَاءِ بِمَا فَضَّلَ اللَّهُ بَعْضَهُمْ عَلَى بَعْضٍ
وَبِمَا أَنْفَقُوا مِنْ أَمْوَالِهِمْ فَالصَّالِحَاتُ قَانِتَاتٌ حَافِظَاتٌ
لِلْغَيْبِ بِمَا حَفِظَ اللَّهُ وَاللاتِي تَخَافُونَ نُشُوزَهُنَّ فَعِظُوهُنَّ
وَاهْجُرُوهُنَّ فِي الْمَضَاجِعِ وَاضْرِبُوهُنَّ فَإِنْ أَطَعْنَكُمْ فَلا
تَبْغُوا عَلَيْهِنَّ سَبِيلا إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيًّا كَبِيرًا
004.034 Men are the protectors and
maintainers of women, because Allah has given the one more (strength) than the
other, and because they support them from their means. Therefore the righteous
women are devoutly obedient, and guard in (the husband's) absence what Allah
would have them guard. As to those women on whose part ye fear disloyalty and
ill-conduct, admonish them (first), (Next), refuse to share their beds, (And
last) beat them (lightly); but if they return to obedience, seek not against
them Means (of annoyance): For Allah is Most High, great (above you all).
[4.34] บรรดาชายนั้น
คือผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิงเนื่องด้วยการที่อัลลอฮ์
ได้ทรงให้บางคนของพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคนและด้วยการที่พวก เขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขาบรรดากุลสตรีนั้นคือผู้จงรักภักดี
ผู้รักษาในทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ลับหลังสามี เนื่องด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงรักษาไว้
และบรรดาหญิงที่พวกเจ้าหวั่นเกรงในความดื้อดึงของนางนั้น
ก็จงกล่าวตักเตือนนางและทอดทิ้งนางไว้แต่ลำพังในที่นอน และจงเฆี่ยนนางแต่ถ้านางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้ว
ก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงเกรียงไกร
จะเห็นได้ว่า
ความเหนือกว่าของฝ่ายชายต่อฝ่ายหญิงนั้น แนวทางตามคำสอนของอิสลาม
จะเน้นที่บทบาทและหน้าที่สำคัญที่เขาจะต้องปกป้องดูแลเอาใจใส่ต่อภรรยา
ขณะที่ฝ่ายหญิงที่เป็นภรรยา จะเป็นผู้ที่เอื้ออาทรต่อสามี รับฟังสามี อย่างไรก็ตาม
ฮิกมะห์ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงกล่าวถึงบทบาทหน้าที่สำคัญของสามีภรรยา
เป็นสิ่งที่แฝงไว้ในปรัชญาของการดำเนินชีวิต แม้ว่าในปัจจุบันสังคมทั้งหลาย (โดยเฉพาะสังคมชาวตะวันตก -ยิวและคริสต์เตียน - ผู้เขียน) ต่างมีมุมมองที่จะเน้นความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกันในทุกๆ บทบาท
เป็นการเรียกร้องสิทธิโดยเฉพาะ การเรียกร้องสิทธิสตรี
ตามที่ได้มีการเรียกร้องกันอยู่อย่างมากมายในเวลานี้ รวมถึงการเรียกร้องบทบาท
สิทธิ และหน้าที่ในสังคมของกลุ่มรักร่วมเพศ จะเห็นได้ว่า ยิ่งมีการเรียกร้องให้มีความสมดุลระหว่างเพศมากขึ้นเท่าใด
สังคมยิ่งขากความสมดุลไปมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตามกฏ ก้อดอร์-ก้อดัร
ของพระองค์ แล้วนั้น
สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างและทรงกำหนดหน้าที่และบทบาทที่ชัดเจนไว้แล้วนั้น
เป็นความสมดุลที่มีขึ้นในสังคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าเราจะรักษาสมดุลในบทบาทและหน้าที่ของเราไว้อย่างไร
การเรียกร้องบทบาทในปัจจุบัน มีมุมมองมาจากสังคมญาฮิลิยะห์
ที่ฝ่ายชายมักจะเอาเปรียบผู้หญิง
มองดูความต่ำต้อยของคนที่เป็นผู้หญิงมีมุมมองของฝ่ายกระทำและฝ่ายถูกกระทำ
จึงเน้นที่การเอารัดเอาเปรียบ มุมมองที่ชนนอกอิสลามมองมุสลิม
กลับมีมุมมองว่าสังคมมุสลิมเอาเปรียบผู้หญิง แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว
ผู้หญิงมุสลิมมีบทบาทหน้าที่ของตนต่อครอบครัวที่ชัดเจนตามคำสอน
และสามารถมีบทบาททางสังคมได้เช่นกัน
แต่ทั้งนี้เธอทั้งหลายต้องไม่ลืมบทบาทของครอบครัว บทบาทของภรรยา บทบาทของแม่
ที่ต้องไม่บกพร่องในการทำหน้าที่ของตนเอง ในขณะที่เธอทั้งหลายมีบทบาทในสังคม
ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาสมดุลที่พระองค์ทรงกำหนดมาให้แล้ว
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ความขัดแย้งในครอบครัวตลอดจนปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตครอบครัว ล้วนย่อมเกิดขึ้นเสมอ ทั้งนี้ เป็นผลอันเนื่องมาจากความกระทบกระทั่งทางความคิด
ทัศนะคติ การใช้วิจารญาณของแต่ละฝ่ายที่ขัดแย้งกัน
จึงเป็นผลให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ดำเนินไปในด้านใด
ความขัดแย้งระหว่างกันที่เกิดขึ้น จะมีทั้งความขัดแย้งที่ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์
หรือในบางกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ดำเนินไปสู่ความแตกหักแยกย้าย ร้างลากันไป
ดังนั้น
แนวทางในการลดปัญหาอันจะเกิดขึ้นจากความขัดแย้งโดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยา
นั้น พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงมีโองการในซูเราะห์อันนิซาร์ Al-Qur'an, 004.035
(An-Nisa [Women]) ความว่า
004.035 وَإِنْ
خِفْتُمْ شِقَاقَ بَيْنِهِمَا فَابْعَثُوا حَكَمًا مِنْ أَهْلِهِ وَحَكَمًا مِنْ
أَهْلِهَا إِنْ يُرِيدَا إِصْلاحًا يُوَفِّقِ اللَّهُ بَيْنَهُمَا إِنَّ اللَّهَ
كَانَ عَلِيمًا خَبِيرًا
004.035 If ye fear a breach between them twain, appoint (two) arbiters, one from
his family, and the other from hers; if they wish for peace, Allah will cause
their reconciliation: For Allah hath full knowledge, and is acquainted with all
things.
[4.35] และหากพวกเจ้าหวั่นเกรงการแตกแยกระหว่างเขาทั้งสอง
ก็จงส่งผู้ตัดสินคนหนึ่งจากครอบครัวของฝ่ายชาย
และผู้ตัดสินอีกคนหนึ่งจากครอบครัวฝ่ายหญิง
หากทั้งสองปรารถนาให้มีการประนีประนอมกันแล้ว
อัลลอฮ์ก็จะทรงให้ความสำเร็จในระหว่างทั้งสอง แม้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงสัพพัญญู
ความประนีประนอมระหว่างสามีภรรยา
เป็นที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงโปรดปราณ
แม้ว่าทางออกของการแก้ไขปัญหาความแตกแยกของการดำเนินชีวิตครอบครัวคือการหย่าร้างกัน
ซึ่งทางออกของการแก้ไขปัญหาอันหนึ่ง แต่ว่าแนวทางดังกล่าวนี้
เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงฮาล้าลแต่ไม่ทรงรักแนวทางอย่างนี้ (อุล่ามาบางท่านว่า
การหย่าร้างทำให้บัลลังก์ของพระองค์สั่นสะเทือน) ดังนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ก็ดี
พ่อหรือแม่ ก็ดี ล้วนแล้วเป็นบทบาทที่ต้องให้ความรัก
ความปรารถนาดีต่อกันให้มากยิ่งขึ้น ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
และประนีประนอมมากขึ้น ยอมตามอารมณ์ของตนเองให้น้อยลงและเจ้าใจคนอื่น (สามีหรือภรรยา) ให้มากขึ้น แม้บางครั้งความอดทน (ขันติ) จะเป็นสิ่งที่ทุกคนจะน้อมรับ
แต่ในบางท่านจะมองว่า ความอดทนนั้นมีขีดจำกัด
แต่ในหมู่มวลของคนที่รักกันเป็นทุนรอนดั้งเดิมแล้ว
ความอดทนและความประนีประนอมระหว่างกันจึงเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายจะนำมาใช้ระหว่างกัน
และแนวทางในการแก้ไขปัญหาระหว่างกันนั้น พระองค์ทรงให้แนวทางไว้อย่างดียิ่งแล้ว
และการที่พระองค์ได้แนะนำเช่นนั้น
คือทางออกในการแก้ไขปัญหาที่ชอบธรรมและเป้นหลักเกณฑ์ที่จะสร้างให้เกิดความรักกันให้มากและแน่แฟ้นยิ่งขึ้น
ซึ่งเป็นเมตตาที่พระองค์ทรงให้กับปวงบ่าวผู้ศรัทธา
ที่จะพึงรักษาบทบาทหน้าที่ของตนไว้อย่างมั่นคงต่อไป
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ความรักความเข้าใจต่อกัน
ในครอบครัว สามารถเผื่อแผ่ความรักความเข้าใจทั้งหลายให้กับทุกๆ
คนที่เป็นเพื่อนบ้าน ญาติใกลิชิด คนที่ตกทุกข์ได้ยาก คนขัดสน ทั้งหลาย ตลอดจนคนที่กำลังเดินทาง
ทั้งนี้ พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงเมตตากรุณาปราณีต่อปวงบ่าว
เพื่อสร้างสังคมมุสลิมให้มีแต่ความสันติสุข ดังโองการ ในซูเราะห์ อันนิซาร์ Al-Qur'an,
004.036 (An-Nisa [Women]) ความว่า
004.036 وَاعْبُدُوا
اللَّهَ وَلا تُشْرِكُوا بِهِ شَيْئًا وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَانًا وَبِذِي
الْقُرْبَى وَالْيَتَامَى وَالْمَسَاكِينِ وَالْجَارِ ذِي الْقُرْبَى وَالْجَارِ
الْجُنُبِ وَالصَّاحِبِ بِالْجَنْبِ وَابْنِ السَّبِيلِ وَمَا مَلَكَتْ
أَيْمَانُكُمْ إِنَّ اللَّهَ لا يُحِبُّ مَنْ كَانَ مُخْتَالا فَخُورًا
004.036 Serve Allah, and join not any
partners with Him; and do good- to parents, kinsfolk, orphans, those in need,
neighbours who are near, neighbours who are strangers, the companion by your
side, the wayfarer (ye meet), and what your right hands possess: For Allah
loveth not the arrogant, the vainglorious;-
[4.36] และจงเคารพสักการะอัลลอฮ์เถิด
และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์
และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด
และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล
และเพื่อนเคียงข้าง และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง
แท้จริงอัลลอฮ์ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด
ดังนั้น
แนวทางคำสอนของอิสลาม มิใช่กลั่นแกล้งคนที่อ่อนด้อยกว่า
หรือไม่ยอมรับบทบาทตามสิทธิสตรี หากแต่แนวทางคำสอนของอิสลาม
จะเน้นการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมโดยเริ่มที่ในครอบครัวของแต่ละครอบครัวก่อน
แล้วเผื่อแผ่ความรักความปรารถนาดีดังกล่าวไปยังสังคม คนใกล้ชิด คนขัดสน คนเดินทาง
ดังนั้น ครอบครัวมุสลิม สังคมมุสลิม จึงเป็นครอบครัวและสังคมที่มุ่งแสวงหาสันติสุข
มิใส่สังคมที่มุ่งมาดก่อการร้ายตามที่สื่อสารมวลชนบางแขนงตั้งฉายานามให้กับมุสลิม
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการต่อต้านหรือต่อสู้กับความอยุติธรรมอิสลามได้วางแนวทางในการต่อสู้ไว้แล้วอย่างชัดเจน
กับกลุ่มที่เป็นศัตรู
ทั้งนี้ในสังคมปัจจุบันการสื่อให้กับคนทั่วงไปเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ นั้น
สื่อสารมวลชนมีมุมมองและสะท้อนความคิดโดยอ้างอิงกรอบความคิดใดมาเผยแพร่
เพราะถ้ามองในมุมมองมุสลิม การแก้ไขปัญหาให้เกิดสันติสุข มุสลิมเน้นแนวทางการประนีประนอม
แต่ถ้ามุมมองของชนต่อต้านอิสลามแล้ว
เขาจะไม่ยอมรับตนเองว่าเขาทำร้ายมุสลิมอย่างไรบ้าง แต่จะมองแต่เพียงว่า
ขณะที่รายงานข่าวมุสลิมทำร้ายเขาอย่างไร แล้วแสดงออกมาโดยขอความเห็นใจจากสังคม
ดังนั้น ในวันนี้มุสลิมจึงต้องอดทนและแสดงออกในแนวทางการแก้ไขปัญหาตามแนวทางและแบบฉบับของพระองค์ที่เน้นการแก้ปัญหาต่างๆ
อย่างสันติวิธีบนแนวทางของความประนีประนอมและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนๆ ทุกคน
إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
วัสสลาม
มูฮำหมัด สันประเสริฐ
2 ร่อบีอุ้ลอาเคร 1433
อ้างอิง
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย
สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์
แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com
อัลฮาดีซ :
Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com
วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
วิบากกรรมทางเศรษฐกิจ
คุตบะห์วันศุกร์ 17 กุมภาพันธ์ 2555 (24 ร่อบีอุ้ลเอาวัล 1433)
วิบากกรรมทางเศรษฐกิจ
الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
يَا بَنِي آدَمَ خُذُوا زِينَتَكُمْ عِنْدَ كُلِّ مَسْجِدٍ وَكُلُوا وَاشْرَبُوا وَلا تُسْرِفُوا إِنَّهُ لا يُحِبُّ الْمُسْرِفِينَ
قُلْ مَنْ حَرَّمَ زِينَةَ اللَّهِ الَّتِي أَخْرَجَ لِعِبَادِهِ وَالطَّيِّبَاتِ مِنَ الرِّزْقِ قُلْ هِيَ لِلَّذِينَ آمَنُوا فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا خَالِصَةً يَوْمَ الْقِيَامَةِ كَذَلِكَ نُفَصِّلُ الآيَاتِ لِقَوْمٍ يَعْلَمُونَ
قُلْ إِنَّمَا حَرَّمَ رَبِّيَ الْفَوَاحِشَ مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَمَا بَطَنَ وَالإثْمَ وَالْبَغْيَ بِغَيْرِ الْحَقِّ وَأَنْ تُشْرِكُوا بِاللَّهِ مَا لَمْ يُنَزِّلْ بِهِ سُلْطَانًا وَأَنْ تَقُولُوا عَلَى اللَّهِ مَا لا تَعْلَمُونَ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
การที่เราทั้งหลายได้รับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทำให้เราทั้งหลายย่อมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมือง ทั้งเกี่ยวเนื่องกับสภาพภายในประเทศและเรื่องราวต่างประเทศ ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่เราทั้งหลายได้ติดตามเพื่อแสวงหาความเป็นจริงและความเป็นไปในความสับสนวุ่นวายของเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนอาหารสมองที่เราทั้งหลายต่างร่วมรับรู้และบริโภคข้อมูลข่าวสารและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องเหล่านั้น ท่านทั้งหลาย ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของเราหาใช่เพียงข้อมูลในเชิงการรับรู้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น หากข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่เราทั้งหลายจะต้องตรวจสอบ แยกแยะและพิจารณาถึงสภาพความเป็นจริงของที่มา และสิ่งที่จะติดตามมาในอนาคตว่าสิ่งเหล่านั้น ได้ให้ความกระจ่างกับเราได้อย่างไร ไฉนการแก้ปัญหาของผู้เกี่ยวข้อง จึงมองข้ามหรือหลีกเลี่ยงความสำคัญต่อสิ่งต่างๆ นี้ไปอย่างไรบ้าง ดังนั้น จึงขอให้เราทั้งหลายจงใช้วิจารณญาณในการสดับตรับฟังเรื่องราวเหล่านั้น และจงพึงสำนึกถึงและยำเกรงต่อพระองค์ให้มาก เพราะเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้นแม้เราได้รับรู้และพิจารณาแล้วหากแต่เรื่องเหล่านั้น คือการทดสอบของพระองค์ ซึ่งเป็นการทดสอบที่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเรื่องราวเหล่านั้น เป็นการทดสอบจากพระองค์ต่อมวลมนุษย์ทั้งหลายซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการทดสอบของพระองค์ตามระยะหรือรัศมีแห่งการทดสอบจากพระองค์ด้วยว่าใกล้หรือไกลจากจุดศูนย์กำเนิดเพียงใด
ท่านทั้งหลาย
ระบบเศรษฐกิจในปัจจุบันตามกระแสหลักแล้ว การแข่งขันเป็นระบบเสรี หรือเสรีนิยมตามระบอบประชาธิปไตย แม้รัฐที่มีการปกครองแบบสังคมนิคมหรือคอมมิวนิสต์ ก็ดิ้นรนเพื่อต่อสู้กับการแข่งขันเสรีเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความ มั่งคั่ง (Wealth) ความแข็งแกร่ง (Strong) และศักยภาพสูงสุดของการแข่งขัน (powerful) ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นถึงการต่อรองทางเศรษฐกิจในเชิงของการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ในสินค้าและบริการของแต่ละกลุ่มอย่างเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจด้านการพลังงาน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยสำคัญที่สุดในปัจจุบัน ที่เห็นได้ว่าเป็นตัวกำหนดบทบาทของสภาพทางเศรษฐกิจที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ตัวหนึ่ง เพราะทุกๆ ส่วนที่มีบทบาทของการแข่งขันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายในทางมหภาคที่ต้องนำพาความจำเริญทางเศรษฐกิจให้บังเกิดความก้าวหน้าในทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากที่สุด เราจะเห็นได้ว่า ความแข็งแกร่งของการกำหนดราคาและอัตรากำลังการผลิตจะเป็นตัวกำหนดแรงกดดันทางด้านราคาและการแข่งขันในส่วนต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด อาจกล่าวได้ว่า หากใครสามารถยึดกลไกรการกำหนดราคาหรือคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อการเก็งกำไรในธุรกิจหรือกิจการด้านพลังงานแล้ว วิกฤติที่เกิดขึ้นจะก้าวล่วงไปยังส่วนผลิตส่วนอื่นๆได้อย่างชัดเจน คล้ายการเล่นเกมมิโนที่เมื่อกระทบด้านหนึ่งด้านใดแล้ว ผลที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลไปยังส่วนต่างๆ ทั้งหมดอย่างแน่นอน
ท่านทั้งหลาย
จากข่าวคราวการขึ้นเงินเดือนในกับทางราชการทั้งฝ่ายประจำและนักการเมืองทั้งนักการเมืองระดับชาติและนักการเมืองท้องถิ่น สะท้อนให้เห็นถึงการปรับฐานของค่าจ้าง เราจะเห็นได้จากการปรับปรุงและกำหนดค่าจ้างแรงงาน การขึ้นราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นปัจจัยยังชีพที่จำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน และทุกๆ ครั้งที่แนวโน้มด้านพลังงานจะสูงขึ้น ย่อมกระทบในวงกว้างที่ผู้ประกอบการทั้งหลายจะสะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น แล้วผลักดันให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบ นั่นคือ ทุกๆ คนในสังคมถูกกระทบกระเทือนกันอย่างถ้วนหน้า เราได้รับทราบถึงการออกแบบสอบถาม เช่น การสอบถามเกี่ยวกับรายจ่ายครัวเรือนของข้าราชการ ซึ่งผลโพลที่เกี่ยวข้องต่างให้ข้อมูลว่า บรรดาข้าราชการเหล่านั้น มีรายจ่ายในแต่ละเดือนหมดไปกับรายจ่ายในการเดินทาง ถึงกว่าร้อยละ 40 ของรายได้ครัวเรือน นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ต้นทุนการผลิตและกาบริโภคถูกเชื่อมโยงเข้ากับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางด้านพลังงานแทบทั้งสิ้น หากเรามองถึงภาครัฐบาล จะเห็นได้ว่า รายได้หลักทางด้านภาษีอากรจะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและภาษีบาปทั้งหลาย ซึ่งรัฐบาลหากจัดเก็บภาษีได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายแล้ว จะกระทบในวงกว้างและสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณแห่งหายนะทางเศรษฐกิจ ซึ่ง เห็นได้ว่า กลไกรทางเศรษฐกิจ จะถูกกระทบอย่างมาก ด้วยปัจจัยจากการเพิ่มต้นทุนการผลิต ตามที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้ เพื่อนำไปจัดสรรและกำหนดเป็นรายได้ของรัฐ ที่จะนำไปใช้ในกิจการต่างๆ รวมถึงเพื่อใช้ในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจให้จำเริญเติบโตตามเป้าหมายที่ได้กำหนดในนโยบายแห่งรัฐ
ท่านทั้งหลาย
ขอให้เราพิจารณาการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเรา การใช้ชีวิตที่พอเพียง แม้ว่าเป็นคำกล่าวที่หลายๆ ภาคส่วนนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ขอให้ได้ตระหนักถึงความมัธยัสถ์ และใช้อย่างเหมาะสม หาใช่ใช้แบบตระหนี่ถี่เหนือ และจงใช้อย่างตักตวงและเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่เราพึงใช้และพึงบริโภคที่เหมาะสม จากโองการอัลกุรอ่านซูเราะห์Al-Qur'an, 007.031-033 (Al-Araf [The Heights]) ความว่า
007.031 يَا بَنِي آدَمَ خُذُوا زِينَتَكُمْ عِنْدَ كُلِّ مَسْجِدٍ وَكُلُوا وَاشْرَبُوا وَلا تُسْرِفُوا إِنَّهُ لا يُحِبُّ الْمُسْرِفِينَ
007.031 O Children of Adam! wear your beautiful apparel at every time and place of prayer: eat and drink: But waste not by excess, for Allah loveth not the wasters.
31. ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย ! จงเอา (คือให้ถือปฏิบัติเป็นเนืองนิจ) เครื่องประดับกาย (หมายถึงการสวมเครื่องนุ่งห่มให้เรียบร้อยขณะไปมัสยิดทุก ๆ มัสยิด) ของพวกเจ้า ณ ทุกมัสยิดและจงกินและจงดื่ม และจงอย่าฟุ่มเฟือย แท้จริงพระองค์ไม่ชอบบรรดาผู้ที่ฟุ่มเฟือย
007.032 قُلْ مَنْ حَرَّمَ زِينَةَ اللَّهِ الَّتِي أَخْرَجَ لِعِبَادِهِ وَالطَّيِّبَاتِ مِنَ الرِّزْقِ قُلْ هِيَ لِلَّذِينَ آمَنُوا فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا خَالِصَةً يَوْمَ الْقِيَامَةِ كَذَلِكَ نُفَصِّلُ الآيَاتِ لِقَوْمٍ يَعْلَمُونَ
007.032 Say: Who hath forbidden the beautiful (gifts) of Allah, which He hath produced for His servants, and the things, clean and pure, (which He hath provided) for sustenance? Say: They are, in the life of this world, for those who believe, (and) purely for them on the Day of Judgment. Thus do We explain the signs in detail for those who understand.
32. จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าผู้ใดเล่าที่ให้เป็นที่ต้องห้าม ซึ่งเครื่องประดับร่างกาย (หมายถึง เครื่องแต่งตัวเพื่อให้มีสภาพเรียบร้อย ไม่เป็นที่รังเกียจแก่ผู้ที่ร่วมอยู่ด้วยหรือผ่านพบเห็น) จากอัลลอฮ์ ที่พระองค์ได้ทรงให้ออกมาสำหรับปวงบ่าวของพระองค์ และบรรดาสิ่งดี ๆ จากปัจจัยยังชีพ จงกล่าวเถิด(มุฮัมัด) ว่าสิ่งเหล่านั้นสำหรับบรรดาผู้ที่ศรัทธา (และผู้ที่ไม่ศรัทธาด้วย) ในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ (และสำหรับพวกเขา) โดยเฉพาะ (คือในวันปรโลกจะได้แก่ผู้ที่ศรัทธาโดยเฉพาะ คนปฏิเสธศรัทธาจะไม่มีส่วนได้เลย) ในวันกิยามะฮ์ ใน ทำนองนั้นแหละเราจะแจกแจงโองการทั้งหลายแก่ผู้ที่รู้ (คือด้วยการใช้สติปัญญา และยอมรับความจริง)
007.033 قُلْ إِنَّمَا حَرَّمَ رَبِّيَ الْفَوَاحِشَ مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَمَا بَطَنَ وَالإثْمَ وَالْبَغْيَ بِغَيْرِ الْحَقِّ وَأَنْ تُشْرِكُوا بِاللَّهِ مَا لَمْ يُنَزِّلْ بِهِ سُلْطَانًا وَأَنْ تَقُولُوا عَلَى اللَّهِ مَا لا تَعْلَمُونَ
007.033 Say: the things that my Lord hath indeed forbidden are: shameful deeds, whether open or secret; sins and trespasses against truth or reason; assigning of partners to Allah, for which He hath given no authority; and saying things about Allah of which ye have no knowledge.
33. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงห้ามนั้น คือบรรดาสิ่งที่ชั่วช้าน่ารังเกียจ (เช่น การทำซินา การข่มขืนชำเรา การฆ่ากัน และการปล้นจี้ เป็นต้น) ทั้งเป็นสิ่งที่เปิดเผยจากมันและสิ่งที่ไม่เปิดเผย และสิ่งที่เป็นบาป(คือการฝ่าฝืนบัญญัติศาสนาโดยทั่วไป) และการข่มเหงรังแกโดยไม่เป็นธรรม (คำว่า “โดยไม่เป็นธรรม” นั้นเป็นการย้ำคำที่ว่า “การข่มเหงรังแก”) และการที่พวกเจ้าให้เป็นภาคแก่อัลลอฮ์ซึ่งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ ลงมาแก่สิ่งนั้น (คือมิได้ทรงมีหลักฐานยืนยันว่าสิ่งนั้นเป็นภาคีกับพระองค์ ที่กล่าวเช่นนี้เพียงเพื่อแสดงว่าพวกเรากระทำด้วยพละการเท่านั้น ความจริงแล้วไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีแก่พระองค์ทั้งสิ้น) และการที่พวกเจ้ากล่าวให้ภัย (คืออุตริกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้น แล้วอ้างว่าเป็นศาสนาของอัลลอฮ์ ปฏิบัติการดังกล่าวนี้ถือเป็นการให้ร้ายแก่พระองค์) แก่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
จะเห็นได้ว่า แนวทางในการดำเนินชีวิตของมุสลิมตามนัยแห่งโองการของพระองค์ เราใช้ประโยชน์จากตัวแบบที่กำหนดเหล่านี้ โดยแน่แท้แล้วเราพึงใช้และบริโภคด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าผู้กำหนดราคาของสินค้าต่างๆ คือกลไกรทางการตลาดที่แปรผันไปตามกำไรทางธุรกิจ หรือต้นทุนการผลิตที่แต่ละภาคส่วนการผลิตพึงได้รับ ผู้ผลิตต้องการกำไร ขณะที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มีราคาถูก เพื่อความประหยัด ขณะที่แรงงานต้องการค่าแรงที่เหมาะสมเพื่อความอยู่รอดในการเลี้ยงดูครอบครัว แต่ในฝ่ายนายจ้างกลับต้องการลดต้นทุนการผลิต กลไกรทางการตลาดดังกล่าวคือวัฎจักรแห่งการผันแปรที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ข่าวสารการขึ้นค่าแรงงาน การขึ้นเงินเดือน หรือการขึ้นราคาสินค้า สิ่งเหล่านี้เป็นสภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นไปตามกลไกรที่เกิดขึ้น เป็นกลไกรที่แต่ละฝ่าย แต่ละรัฐบาลมองถึงความจำเริญทางเศรษฐกิจ เป็นความมั่งคั่งที่แต่ละฝ่ายต้องการก้าวไปให้ถึง ดังนั้น จึงขอให้เราทั้งหลาย จงพิจารณาถึงสภาพที่เกิดขึ้นอย่างแยกส่วน และมองดูอย่างมีวิจารณญาณ เราจึงควรพิจารณาถึงสิ่งที่ใกล้ตัวเราก่อนว่า เรามีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายหรือลำบากอย่างไรบ้าง เราอยู่กันอย่างพอเพียงหรือไม่ ทุกๆ วันเรามีขยะที่ต้องทิ้งเป็นสิ่งปฏิกูลที่รอวันถูกย่อยสลายตามกระบวนการ แต่เราลองมาตรวจสอบดูว่าสิ่งปฏิกูลที่เราทิ้งขว้างลงไปนั้น บางครั้งมันคือสิ่งที่เหลือใช้ของเราโดยที่สิ่งเหล่านั้นยังมีคุณค่าแต่เป็นสิ่งที่เราเหลือทิ้งเกินความจำเป็น ดังนั้น จึงควรตรวจสอบสิ่งเหล่านี้และลดจำนวนของสิ่งเหล่านี้ลงไป เพื่อให้ชีวิตของเราดำเนินไปอย่างพอเพียง มัธยัสถ์ และอยู่อย่างคุ้มค่า อยู่ในแนวทางของอัลอิสลามบนความยำเกรงต่อพระองค์
ท่านทั้งหลาย
ขอให้พิจารณาอัลฮาดีสต่อไปนี้
I will narrate to you a narration which nobody will narrate to you after me. I heard that from the Prophet. I heard the Prophet saying, "The Hour will not be established" or said: "From among the portents of the Hour is that the religious knowledge will be taken away (by the death of religious Scholars) and general ignorance (of religion) will appear; and the drinking of alcoholic drinks will be very common, and (open) illegal sexual intercourse will prevail, and men will decrease in number while women will increase so much so that, for fifty women there will only be one man to look after them."
Narratรed by: Anas Source : Sahih Al-bukhari 8.800A
การดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เราจึงควรแสวงหาความรู้ ประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อศึกษาสภาพ ความเป็นไปในสังคม ในแต่ละด้าน เราต้องใช้ปัจจัยเหล่านั้นให้เต็มประโยชน์ ลดสิ่งที่เหลือทิ้ง เราต้องใช้โดยมัธยัสถ์ ไม่ใช้เกินความจำเป็น และใช้อย่างมีวิจารณญาณ รวมถึงการใช้เวลาของเราให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด อย่าใช้โดยเปล่าประโยชน์ เช่นเดียวกับการบริโภค ก็ควรบริโภคตามความเหมาะสม ไม่ฟุ่มเฟือย ลดละเลิกสิ่งที่ไม่ใช่ความจำเป็น หรือบั่นทอนต่อสุขภาพ และการใช้ชีวิตควรอยู่ในลู่ทางตามหลักศีลธรรมจรรยา อย่าได้ไปละเมิดใครๆ เพราะที่สุดแล้ว เราย่อมต้องถูกสอบสวนจากพระองค์ ในวันแห่งการตัดสินที่ใกล้เข้ามา ตามสภาพที่เราพบในปัจจุบัน เช่น การเพิ่มประชากรที่นับวันเพศหญิงจะมีมากกว่าเพศชาย และสินค้าปัจจัยต่างๆ นับวันราคาจะทวีสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราทั้งหลายต้องยึดมั่นต่อพระองค์ด้วยความอดทนและยำเกรง
إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์
วัสสลาม
มูฮำหมัด สันประเสริฐ
อ้างอิง
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/
อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com
วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ความรักสร้างพลังแห่งสันติสุข
มิมบัรออนไลน์
คุตบะห์วันศุกร์ 17 รอบีอุ้ลเอาวัล 1433 (วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555)
ความรักสร้างพลังแห่งสันติสุข
الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
إِنَّمَا الْمُؤْمِنُونَ إِخْوَةٌ فَأَصْلِحُوا بَيْنَ أَخَوَيْكُمْ وَاتَّقُوا اللَّهَ لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
การสรรเสริญทั้งมวลนั้นย่อมเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก
ขอความสันติและความรักความปรารถนาดีจากพระองค์อัลลอฮ์ จงมีแด่ท่านนบีมุฮัมมัดตลอดจนวงศ์วานเหล่าซ่อฮาบัต ขอให้พระองค์ทรงตอบรับการขอดุอาร์จากพวกเราด้วยเถิด
ขอตักเตือนตนเองและท่านทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮ์ เถิด เพราะการปฏิบัติตามคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของพระองค์นั้น ผลลัพท์ที่ดีนั้นย่อมตกแก่ผู้ศรัทธา ที่ยำเกรงต่อพระองค์ ยำเกรงด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อ ทุกๆ คำสั่งของพระองค์ ทุกๆ วจนะของท่านศาสดา ที่ย้ำเตือนเราให้เห็นถึงปรากฏการณ์ต่างๆ ที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงทดสอบเรา ซึ่งการทดสอบของพระองค์จะทรงทดสอบโดยตรงกับเราทั้งจากทรัพย์สินที่เราครอบครอง และลูกหลานของเราที่ได้อุปการะเลี้ยงดู นอกจากนี้การทดสอบด้วยปรากฏการณ์ต่างๆ ตามสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา ด้วยการแสดงออกมาในรูปของการกระทำ พลังอิหม่านศรัทธาของเราต่อการแสดงออกมาทางอารมณ์ ความรู้สึก ต่างๆ ต่อ ในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้หรือห้ามมิให้กระทำนั้น เรายึดมั่นอย่างไร ให้ความสนใจมากน้อยเพียงใด เรายังคงปลดปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไป โดยที่ไม่ใส่ใจในภารกิจหลักที่สำคัญกระนั้นหรือ ขอให้เราจงไตร่ตรองถึงความสำคัญให้มากที่สุด
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ความรักและความห่วงใยของท่านร่อซูรุ้ลลอฮ์ (ซ.ล.) ที่มีต่อประชาชาติมุสลิมเป็นสายใยรักที่มีความปรารถนาดี เต็มไปด้วยความรักความเอื้ออาทร ที่มุ่งเน้นความอยู่ดีมีสุขในวันกิยามัต ซึ่งท่านศาสดาจะทรงขอดุอาร์ให้กับประชาชาติมุสลิมทุกคนให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษจากไฟนรก ซึ่งพระองค์จะทรงตอบรับการขอดุอาร์ของท่านศาสดา จึงเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงความรักความเอื้ออาทรของท่านศาสดาต่อบรรดามุสลิมทุกๆ คน สร้างความมั่นใจในการประกอบอามั้ล อิบาดัรของเขาเหล่านั้นด้วยความมั่นใจ สนองพระบัญชาใช้ของอัลลอฮ์และแบบฉบับที่ดีงามจากท่านศาสดา (ซ.ล.) ความรักจึงเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นพลังในการประกอบศาสนกิจและเป็นสิ่งจูงใจให้เห็นสัมฤทธิ์ผลในกิจกรรมต่างๆ การประกาศศาสนาของท่านศาสดา จึงเป็นการประกาศให้เห็นถึงคุณค่าของความรักความปรารถนาดีต่อกัน เพื่อสร้างพลังแห่งความสันติสุข อันเป็นพลังอันทรงคุณค่า เป็นการประกาศถึงยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ชาติ
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ความรักในเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน ความรักในฐานะญาติมิตร เป็นความรักความสัมพันธ์ที่โยงใยถึงจุดมุ่งหมายความเป็นพี่น้อง ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากวิธีการที่ไม่แตกต่างกัน ซึ่งมนุษย์คู่แรกของโลกสืบเชื้อสายมาจากดิน แล้วจากดินนั้นพระองค์อัลลอฮ์ทรงเป่าวิญญาณเข้าไปทำให้มีชีวิต แล้วมีการสืบเชื้อสายกันจากรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งด้วยการปฏิสนธิจากการสืบพันธ์ระหว่างชายหญิง ตามที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้อย่างเป็นประจักษ์แล้ว
ความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จึงเป็นความรักที่เน้นถึงการแสดงออกถึงปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อกัน การแสดงออกถึงการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกัน หรือการแสดงออกถึงความโกรธ เกลียด อาฆาต มาดร้าย ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เป็นความสัมพันธ์ที่บ่งบอกถึงในแง่ดีหรือในแง่ร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ท่านศาสดาได้กล่าวถึงการแสดงออกถึงการสร้างความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติร่วมกัน เป็นความสัมพันธ์ที่บ่งบอกถึงความรักความปรารถนาดีต่อกัน ไม่ส่งเสริมให้มุสลิมแสดงออกถึงความโกรธ หรือคิดร้ายต่อกัน เพราะวิธีการดังกล่าวเป็นแนวทางที่ชั่วร้าย ขัดกับพระประสงค์ของอัลลอฮ์ เพราะในขณะที่มนุษย์กำลังกริ้วโกรธ อยู่นั้น เขากำลังถูกล่อลวงจากชัยตอนผู้ถูกสาบแช่ง ซึ่งเป็นบาปอย่างมหันต์ ดังนั้น มุสลิมผู้ศรัทธา จึงควรส่งเสริมกัน และสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ในการแสดงออกถึงความรัก ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ทรงมีโองการ Al-Qur'an, 049.010 (Al-Hujraat [The Private Apartments, The Inner Apartments]) ความว่า
049.010 إِنَّمَا الْمُؤْمِنُونَ إِخْوَةٌ فَأَصْلِحُوا بَيْنَ أَخَوَيْكُمْ وَاتَّقُوا اللَّهَ لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ
049.010 The Believers are but a single Brotherhood: So make peace and reconciliation between your two (contending) brothers; and fear Allah, that ye may receive Mercy.
[49.10] แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นพวกเจ้าจงไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันระหว่างพี่น้องทั้งสองฝ่ายของพวกเจ้า และจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด หวังว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
จะเห็นได้ว่า การแสดงออกถึงความรักความห่วงใยที่มีต่อกัน ถือเป็นหน้าที่ของมุสลิม ที่จะแสดงออกถึงความรักความปรารถนาดีต่อกัน เป็นเพื่อนเป็นญาติสนิทที่จะช่วยเหลือกันด้วยความยำเกรงต่อพระองค์ หาใช่การกระทำที่มองแต่เพียงผลประโยชน์ที่แต่ละฝ่ายมีต่อกันไม่ แต่การกระทำที่มีจุดมุ่งหายของการกระทำเป็นจุดมุ่งหมายที่มาจากพระองค์แทบทั้งสิ้น เป็นจุดมุ่งหมายที่แสดงให้เห็นถึงการแสดงออกในประโยชน์ที่แต่ละฝ่ายจะได้รับ แต่มิใช่เป็นเพียงประโยชน์ที่เรามุ่งแสดงหาโดยมิได้แต่เพียงการมองถึงสิ่งที่เราจะได้มาหรือเพียงจะมุ่งรับเพียงผลประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว
ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่มีต่อกัน เป็นความรักที่อยู่บนพื้นฐานแห่งศรัทธาและยำเกรงต่อพระองค์ และมุ่งหวังประโยชน์สูงสุดที่พระองค์จะทรงตอบรับ เป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการเป็นพี่น้องมุสลิมร่วมกัน เป็นประโยชน์ที่มีทางออกร่วมกันแต่เพียงเรื่องที่ดีๆ ร่วมกัน มีมุมมองและแนวคิดที่มุ่งเน้นความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันตลอกไป
إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
วัสสลาม
มูฮำหมัด สันประเสริฐ
17 รอบีอุ้ลเอาวัล 1433
อ้างอิง
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com
อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com
วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
The Chosen One
มิมบัรออนไลน์
คุตบะห์วันศุกร์ 10 รอบีอุ้ลเอาวัล 1433 (วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555)
The Chosen One
الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
لَقَدْ أَرْسَلْنَا رُسُلَنَا بِالْبَيِّنَاتِ وَأَنْزَلْنَا مَعَهُمُ الْكِتَابَ وَالْمِيزَانَ لِيَقُومَ النَّاسُ بِالْقِسْطِ وَأَنْزَلْنَا الْحَدِيدَ فِيهِ بَأْسٌ شَدِيدٌ وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَلِيَعْلَمَ اللَّهُ مَنْ يَنْصُرُهُ وَرُسُلَهُ بِالْغَيْبِ إِنَّ اللَّهَ قَوِيٌّ عَزِيزٌ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ทุกวันนี้ มนุษย์ต่างดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาของการดำเนินชีวิตในหลายรูปแบบ ทั้งในการดำรงชีวิต ปัญหาทางสังคม วัฒนธรรม รวมไปถึงปัญหาในระดับมหภาคที่ระดับรัฐกำลังแก้ไขปัญหา การวิภาควิจารณ์ การแสดงทัศนคติของผู้คนอย่างหลากหลายทั้งผู้ที่รู้จริงในปัญหาต่างๆ เหล่านั้น กับผู้ที่ติดตาม ตรวจสอบข้อมูล รวมไปถึงประชาชนในระดับรากหญ้าที่มุ่งติดตามความเป็นไปของข้อมูลข่าวสาร ที่หลายๆ ฝ่ายมาให้ข้อมูลหรือออกมาแถลงข่าว โดยใส่ทัศนคติส่วนตนเข้าไปในการให้ข้อมูลต่างๆ นั้นด้วย บางเหตุการณ์ทำให้เกิดการรวมศูนย์แห่งความเกลียดชัง เพียงเพื่อจุดประสงค์ของคนเพียงไม่กี่พวกที่เห็นต่างทางความคิด มีจุดยืนในกลุ่มของตนแสวงหาผู้ที่มีแนวคิดรูปแบบเดียวกันผ่านการสื่อสารมวลชนเพื่อให้คนทั้งหลายได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดพร้อมดึงเข้าเป็นพวก สังคมในปัจจุบัน หากเราไม่รู้จักแยกแยะแล้ว แน่นอนว่าเราจะหลายเป็นเหยื่อ หรือเป็นเครื่องมือของกลุ่มที่ขัดแย้งกันโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือมีความสมัครใจที่จะก้าวเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้ง จึงขอเตือนตนเองและท่านทั้งหลาย จงพิจารณาด้วยสติปัญญา ด้วยจิตที่มีมีความยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ซึ่งพระองค์ได้ทรงใช้ให้เรากระทำอิบาดัรและห้ามมิให้กระทำกระทำในเรื่องราวที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น แม้เพียงเล็กน้อย หรือขาดความยั้บยั้งชั่งใจ ซึ่งเราต้องหนักแน่นในเรื่องราวต่างๆ อย่าปล่อยให้ความเปราะบาง หรือความอ่อนไหวในกระแสธารที่เข้ามายังเราแล้วเราปล่อยตนเองให้ลื่นไหลไปในกระแสธารนั้น โดยมิได้ฉุกคิดด้วยสติปัญญา หรือไตร่ตรองและพินิจพิจารณาถึงคุณค่าของมันรวมไปถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นโดยเราหาได้ทราบถึงข้อมูลเชิงลึกที่มากไปกว่านั้น แล้วเราจะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งแห่งความขัดแย้งของสังคม
ท่านทั้งหลาย
การที่คนๆ หนึ่งไปต่อว่าคนอีกคนหนึ่งโดยที่เขา คนที่ถูกต่อว่าหาได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลที่เขาถูกต่อว่านั้น เป็นเรื่องราวใด ความเสียหายได้พึงบังเกิดขึ้นแล้ว ความผิดในลักษณะนี้ในทางกฎหมายเรียกว่า “หมิ่นประมาท” หรือ “การนินทา” ทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นๆ โดยมีบุคคลที่สามเป็นผู้รับรู้ข้อมูลนั้น และความเสียหายดังกล่าวเป็นความผิดทางกฎหมาย ซึ่งต้องระวางโทษตามข้อบังคับของกฎหมาย หากบุคคลผู้เสียหายเป็นผู้ที่อยู่ในระดับผู้นำของประเทศ แน่นอนว่าระวางโทษจะหนักขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมาย เช่นนี้แล้ว จึงเป็นเรื่องที่เราต้องมาพิจารณาว่า การที่เรารับข้อมูลต่างๆ รอบตัวเรามานั้น การแสดงทัศนะคติ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือการแสดงความคิดเห็นของเราในแต่ละวัน ซึ่งการแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวเป็นการขยายความด้วยข้อมูลที่รับมา หากทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว ผู้ที่เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวย่อมมีความผิดตามนัยแห่งกฎหมายด้วย หากพิจารณากรอบแห่งศาสนบัญญัติแล้ว เรื่องราวดังกล่าว พิจารณาจากโองการจากซูเราะห์ อัลฮุมาซะห์ ( Al-Qur'an, 104.001 (Al-Humaza [The Traducer, The Gossipmonger])) ความว่า
104.001 وَيْلٌ لِكُلِّ هُمَزَةٍ لُمَزَةٍ
104.001 Woe to every (kind of) scandal-monger and-backbiter,
1. ความหายนะจงประสบแด่ทุกผู้นินทาและผู้ใส่ร้ายผู้อื่น
จากโองการที่กล่าวมา มีความชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ที่จะชี้แจงหรือบิดเบือนความผิดของการกระทำดังกล่าวนี้ ซึ่งท่านศาสดา (ซ.ล.) ได้มีแบบฉบับที่เกี่ยวข้องกับการ “พูด” หรือการกล่าววาจาต่อผู้อื่น ในลักษณะของการกล่าวให้ร้าย ด่าทอ หรือให้ร้ายต่อบุพการีของคนอื่น หากคนที่ถูกกระทำไปกล่าวตอบโต้เช่นเดียวกัน คือ ด่าทอ หรือให้ร้ายต่อบุพการีของคนที่กล่าวก่อนแล้ว เช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการที่เขาด่าทอ หรือให้ร้ายต่อบุพการีของตนเอง เช่นนี้ ย่อมมีความผิดที่ไม่แตกต่างกัน เป็นความผิดที่พระองค์ผู้อภิบาล ทรงประทานโองการดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น ขอให้เราทั้งหลาย จงห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงชี้นำนี้ด้วยเถิด เพราะการนินทาและใส่ร้ายผู้อื่น ในปัจจุบันเกิดขึ้นอย่างมากมาย ในทุกๆ สังคม ทุกๆ ชนชั้น และทุกๆ กลุ่ม โดยเฉพาะการนินทาและใส่ร้ายผู้อื่นๆ มันเป็นคำพูดที่สนุกปาก ทำให้กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนทั้งหลายจะใส่ความเห็น ใส่ความเกลียดชังต่อบุคคลที่ถูกกล่าวถึง วิพากษ์วิจารณ์แสดงทัศนคติออกไปอย่างหลากหลาย โดยที่ผู้เสียหายไม่สามารถมาชี้แจงหรือโต้ตอบในเรื่องราวดังกล่าวได้ ซึ่งการนินทาและใส่ร้ายผู้อื่น แตกต่างจากการชื่นชมและให้เกียติต่อบุคคล อย่างสิ้นเชิง ในทางศาสนา การยกยกชื่นชมและให้เกียรติต่อผู้อื่น นั้น เป็นบุคลิกและวัตรปฏิบัติของท่านศาสดา (ซ.ล.) หนึ่ง นอกเหนือจากความสัตย์ที่ท่านได้รับเมื่อครั้งเดินทางไปค้าขายในช่วงวัยหนุ่มของท่าน
การยกย่องชื่นชม และให้เกียรติต่อผู้อื่น เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำ แม้จะกล่าวถึงบุคคลที่สาม แต่ทุกๆ การสรรเสริญและให้เกียรติต่อผู้อื่น การสรรเสริญนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก และบุคคลที่ได้รับการยกย่องชื่นชมและให้เกียรตินั้น เขาพึงปฏิบัติตน และครองตนเองด้วยจิตสำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ การที่เขาได้รับการชื่นชมยกย่องจากผู้คนอื่นๆ นั้น หาใช่ตนเองของเขาไม่ และหาใช่ว่าเขาได้รับปัจจัยต่างๆ ด้วยความสามารถส่วนบุคคลของตัวของเขาเอง ความสามารถของเขาเพียงเท่านั้น ทั้งหมด คือการทดสอบจากพระองค์ เป็นการทดสอบที่พระองค์ใช้เป็นบทประเมิน เพื่อวิเคราะห์ตรวจสอบ เขาคนนั้นว่า เขามีความหนักแน่นมั่นคง ในปัจจัยยังชีพที่เขาได้รับ ในขณะที่เขายังดำรงชีวิตอยู่ในขณะนั้นด้วยหรือไม่ ในวันแห่งการตอบแทนจากพระองค์ เขายังมีสิทธิที่จะได้รับภาคผลตอบแทนอย่างเหมาะสมหรือไม่ หรือการที่เขาได้รับการยกย่องชื่นชม และให้เกียรติจากผู้อื่น นั้น เป็นเพียงการกระหยิ่มยิ้มย่อง หรือเป็นความสามารถของตัวของเขาเอง ไม่ใช่พระประสงค์จากพระองค์ เช่นนี้แล้ว การทดสอบที่หนักกว่าจากพระองค์ในวันแห่งการตอบแทนที่เขาได้รับ นั่นคือสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเขาคนนั้น
ท่านทั้งหลาย
ในบรรดาผู้ที่ได้รับการยกย่องชื่นชม และให้เกียตริจากคนทั้งหลายนั้น สำหรับพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) แล้ว แน่นอนว่ามีบุคคลผู้หนึ่งในบรรดาคนทั้งหลายที่ได้รับเกียรติยศอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งในวันแห่งการตัดสินจากพระองค์ ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถร้องขอจากพระองค์ ที่จะยกเว้นโทษ ลดโทษ หรือประวิงการลงโทษจากพระองค์ ที่ประชาชาติของท่านจะได้รับจากการประพฤติปฏิบัติในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรัก และการให้เกียรติอย่างยิ่งจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรร คัดเลือกบุคคลที่พระองค์ทรงรักและให้เกียรติ ในการปฏิบัติภารกิจการสื่อสารจากพระองค์ ดำเนินชีวิตเฉกเช่นประชาชนธรรดา แต่การดำเนินชีวิตของท่าน บุคลิกและอุปนิสัยส่วนตัวของท่าน แสดงออกถึงภาพลักษณ์ที่ทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะเข้าถึง เป็นแบบฉบับหรือแบบอย่างของการดำเนินชีวิต ที่แสดงออกได้ว่าการปฏิบัติตนทั้งในการตรองตน การครองเรือน การครองผู้ติดตาม และในทางการปกครอง ภาพของนักปกครองที่ครองใจมวลชน ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงาม ทั้งในการตัดสินใจ การเป็นผู้นำในการจัดการเรื่องราวต่างๆ การเป็นผู้บัญชาการรบกับผู้รุกราน ที่ได้ลิ้มรสทั้งชัยชนะที่งดงามและในภาพลักษณ์ของผู้ที่ถูกถล่มอย่างยับเยินในการสงคราม แต่ด้วยวัตรปฏิบัติของท่าน ท่านสามารถครองใจมวลชน ผู้ติดตามของท่าน โดยที่บรรดาเขาเหล่านั้น ต่างรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จนที่เป็นเกรงขามของผู้รุกราน ทั้งนี้ ด้วยการสั่งสมภาพลักษณ์อันงดงามในวัยหนุ่มของท่าน ขณะที่ท่านติดตามลุงของท่านเพื่อการทำการค้าขายยังประเทศชาม ซึ่งในยุคนั้น บรรดาพ่อค้าทั้งหลายที่รอนแรมเดินทางออกไปทำการค้าขายยังดินแดนต่างๆ ต่างมุ่งมั่นที่จะค้าขายหาผลกำไร เพื่อซื้อสินค้าให้ไดมากที่สุดนำไปค้าขายแลกเปลี่ยนยังบ้านเมืองของตน คุณภาพของสินค้า ความซื่อสัตย์และคุณธรรมพื้นฐานของบรรดาพ่อค้าทั้งหลาย นั้นหายากมาก แม้ในปัจจุบันการแข่งขันมีสูง แต่ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ เรื่องของคุณภาพและราคาของสินค้า มักจะผกผันกัน แต่สำหรับท่านแล้ว ความซื่อสัตย์ในการทำหน้าที่ของท่าน การประเมินคุณภาพของสินค้า และการแสวงหากำไรในสินค้าที่ท่านค้าขายอยู่ เป็นหัวใจสำคัญ ของการค้าขาย ท่านได้รับสมญานามที่คนทั้งหลายตั้งไว้ ซึ่งจะแสดงออกให้เห็นถึงบุคลิกลักษณะที่ใช้ในการกล่าวถึงท่านว่า “มูฮัมมัด อัลอามีน” ซึ่งตรงกับบุคลิกของท่านมากที่สุด ความซื่อสัตย์ของท่าน ท่านเป็นผู้ที่คนทั้งหลายให้ความไว้วางใจมากที่สุด เมื่อขบวนคาราวาสินค้าในกลุ่มของท่านเดินทางไปยังที่แห่งใด แน่นอนว่ากลุ่มของท่านมักได้รับความไว้วางใจจากคนในดินแดนนั้น ที่จะเดินมาเลือกหาและซื้อสินค้าจากกลุ่มของท่าน นับว่าขึ้นชื่อในเรื่องของความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
ท่านทั้งหลาย
การยกย่อง ชื่นชมและให้เกียรติแด่ท่าน เมื่อยามกล่าวถึง “Muhammad Khaira Khalqillah Sallu ‘ala Rasulillah, Habibil Mustafa” เป็นเกียรติยศที่ชนทั้งหลายเปล่งเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญต่อท่าน วัตรปฏิบัติของท่านที่ประชาชาติทั้งหลายดำเนินตาม หาใช่เป็นแนวทางที่มุ่งสู่การข่มขู่หรือใช้ปลายกระบอกปืนพุ่งใส่ เพื่อที่จะเรียกร้องเชิญชวนให้ทุกคนก้าวเข้ามาสู่การเป็นมุสลิม ตรงกันข้าม การเรียกร้องเชิญชวนให้ผู้คนเข้ารับอิสลาม เป็นไปในวงจำกัดในกลุ่มผู้ใกล้ชิด และในเครือญาติ เพื่อที่ให้แต่ละคนได้รู้จักอิสลาม จนในที่สุดขยายวงไปอย่างไม่จำกัดไม่หยุดยั้ง ในทุกๆ ดินแดน ทุกๆ พื้นที่ เช่นในปัจจุบัน หาใช่เป็นการแสวงหาความรุนแรง แต่ตรงกันข้าม หากพิจารณาถึงการดำเนินชีวิต วจนะและแนวทางปฏิบัติที่เรียบง่ายของท่าน คือ สิ่งที่ทำให้ชนทั้งหลายเข้ามาดำเนินชีวิตในแบบฉบับของท่านและแนวทางแห่งอัลอิสลาม ขอให้พิจารณาโองการจากซูเราะห์ Al-Qur'an, 057.025 (Al-Hadid [The Iron]) ความว่า
057.025 لَقَدْ أَرْسَلْنَا رُسُلَنَا بِالْبَيِّنَاتِ وَأَنْزَلْنَا مَعَهُمُ الْكِتَابَ وَالْمِيزَانَ لِيَقُومَ النَّاسُ بِالْقِسْطِ وَأَنْزَلْنَا الْحَدِيدَ فِيهِ بَأْسٌ شَدِيدٌ وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَلِيَعْلَمَ اللَّهُ مَنْ يَنْصُرُهُ وَرُسُلَهُ بِالْغَيْبِ إِنَّ اللَّهَ قَوِيٌّ عَزِيزٌ
057.025 We sent aforetime our messengers with Clear Signs and sent down with them the Book and the Balance (of Right and Wrong), that men may stand forth in justice; and We sent down Iron, in which is (material for) mighty war, as well as many benefits for mankind, that Allah may test who it is that will help, Unseen, Him and His messengers: For Allah is Full of Strength, Exalted in Might (and able to enforce His Will).
25. โดยแน่นอนเราได้ส่งบรรดาร่อซูลของเราพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้งและเราได้ประทานคัมภีร์และความยุติธรรมลงมาพร้อมกับพวกเขาเพื่อมนุษย์จะได้ดำรงอยู่บนความเที่ยงธรรม (เราได้ส่งบรรดาร่อซูลของเรามาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งและสิ่งปาฏิหาริย์ที่ชัดเจนและเราได้ประทานคัมภีร์ลงมาพร้อมกับพวกเขา ซึ่งในคัมภีร์นั้น ๆ นำความสุขมาสู่มนุษยชาติ และเราได้ประทานความยุติธรรมหรือตราชูมาพร้อมกับพวกเขาเพื่อให้มนุษย์ดำรงอยู่บนความเที่ยงธรรมในการปฏิบัติซึ่งกันและกัน) และเราได้ให้มีเหล็กขึ้นมา เพราะในนั้นมีความแข็งแกร่งมาก และมีประโยชน์มากหลายสำหรับมนุษย์ และเพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงรู้ถึงผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ (มีความเชื่อมั่น) โดยทางลับ (ต่อพระองค์) แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ (และเราได้ประทานเหล็กมาหมายถึงให้มีเหล็กขึ้นมา เพราะเหล็กนั้นมีความแข็งแกร่งเพื่อใช้ในการทำอาวุธสงครามและมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายในเรื่องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนัก ตามที่อัลลอฮฺ ตะอาลาได้ทรงประทานสิ่งต่าง ๆ ลงมานั้นก็เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงรู้ว่าใครบ้างที่ได้ช่วยเหลือสนับสนุนพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ด้วยการต่อสู้ดิ้นรนและการยืนหยัดเคียงข้างกับพวกเขาในขณะที่พวกเขาทำหน้าที่ได้นำหน้าเผยแผ่ศาสนาของพระเจ้าของพวกเขาโดยทางลับ หมายถึงว่าพวกเขามิได้เห็นอัลลอฮฺ ตะอาลา ด้วยสายตาของพวกเขา พระองค์เป็นผู้ทรงพลังไม่ทรงต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใด จากปวงบ่าวของพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ)
จะเห็นว่า พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงคัดเลือก และแต่งตั้งศาสนทูต เพื่อประกาศศาสนาของพระองค์ ในประชาติต่างๆ เพื่อให้ทุกคนพิจารณา แล้วปฏิบัติตามข้อห้ามและข้อใช้ตามบัญญัติที่พระองค์กำหนด โดยบรรดาศาสนทูตเหล่านั้น เป็นผู้หนึ่งที่นำสารจากพระองค์มายังมวลชนทั้งหลาย เพื่อปฏิบัติศาสนกิจต่อพระองค์ด้วยความยำเกรงต่อพระองค์ บรรดาศาสนทูตจากพระองค์ แม้ว่าพระองค์จะทรงทดสอบ ตรวจสอบเขาเหล่านั้น แต่ด้วยความอดทน ยึดมั่นในพระองค์ แน่นอนว่า ชัยชนะที่พระองค์กำหนดไว้สำหรับเขาและประชาชาติของเขา คือ สัญญาที่พระองค์ทรงมีไว้สำหรับทุกคน และสัญญาของพระองค์นั้น จะตอบแทนแก่ทุกคนในวันแห่งการตัดสิน เช่นเดียวกับประชาชาติในยุคของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ที่พระองค์ทรงให้เกียรติและทรงตอบรับคำขอของท่านศาสดาในวันแห่งการตัดสิน ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มชนแห่งประชาชาติที่มีมาก่อนหน้านี้
ท่านทั้งหลาย
การปฏิบัติตนของเรา ผลลัพธ์ที่เราพึงได้รับ หรือรางวัลและการลงโทษ จะปรากฏกับเราเมื่อมีการตัดสิน แน่นอนว่า แต่ละคนต่างมุ่งที่จะได้รับรางวัล ไม่ต้องการการถูกลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น การดิ้นรนเพื่อให้ตนเป็นผู้ชนะในวันแห่งการตัดสิน จึงเป็นจุดมุ่งหมายของทุกๆ คนที่จะดำเนินชีวิตไปให้ถึงที่หมายในวันนั้น แน่นอนว่า พยานที่สำคัญ ประจักษ์พยานในวัตรปฏิบัติของเรา จะเป็นผู้ที่กล่าวถึงเราในพฤติกรรมทั้งหลายที่เราได้กระทำลงไป ซึ่งท่านศาสดา (ซ.ล.) ได้กล่าวถึงพยานที่สำคัญในวันดังกล่าว ดังอัลฮาดีส ความว่า
The Prophet said, "Whoever guarantees me (the chastity of) what is between his legs (i.e. his private parts), and what is between his jaws (i.e., his tongue), I guarantee him Paradise." Narrated by : Sahl bin Sad Source : Sahih Al-Bukhari 8.799
จะเห็นได้ว่า บุคคลที่พระองค์ทรงยกย่องและให้เกียรติอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่ทรงคัดเลือกและเลือกสรรเพื่อที่ผู้คนทั้งหลายจะดำเนินชีวิตไปตามแนวทาง วัตรปฏิบัติ และแนวปฏิบัติที่ยอดเยี่ยมชัดเจน เพื่อความสันติสุขของสังคมในภาพรวม และในชุมชนสังคมโลก ซึ่ง หากเราแต่ละคนนำแนวปฏิบัติของท่านมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของเรา สังคมโดยรวมจะประสบสันติสุขอย่างแน่นอน
إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
วัสสลาม
มูฮำหมัด สันประเสริฐ
10 รอบีอุ้ลเอาวัล 1433
อ้างอิง
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย , www.DivineIslam.com
อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com