วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

หัจญ์ : การบำเพ็ญหัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา

มิมบัรออนไลน์

คุตบะห์วันศุกร์ 6 ซุ้ลฮิจญะห์ 1431 (วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553)

หัจญ์ : การบำเพ็ญหัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา

الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

وَمَا مُحَمَّدٌ إِلا رَسُولٌ قَدْ خَلَتْ مِنْ قَبْلِهِ الرُّسُلُ أَفَإِنْ مَاتَ أَوْ قُتِلَ انْقَلَبْتُمْ عَلَى أَعْقَابِكُمْ وَمَنْ يَنْقَلِبْ عَلَى عَقِبَيْهِ فَلَنْ يَضُرَّ اللَّهَ شَيْئًا وَسَيَجْزِي اللَّهُ الشَّاكِرِينَ

حُرِّمَتْ عَلَيْكُمُ الْمَيْتَةُ وَالدَّمُ وَلَحْمُ الْخِنْزِيرِ وَمَا أُهِلَّ لِغَيْرِ اللَّهِ بِهِ وَالْمُنْخَنِقَةُ وَالْمَوْقُوذَةُ وَالْمُتَرَدِّيَةُ وَالنَّطِيحَةُ وَمَا أَكَلَ السَّبُعُ إِلا مَا ذَكَّيْتُمْ وَمَا ذُبِحَ عَلَى النُّصُبِ وَأَنْ تَسْتَقْسِمُوا بِالأزْلامِ ذَلِكُمْ فِسْقٌ الْيَوْمَ يَئِسَ الَّذِينَ كَفَرُوا مِنْ دِينِكُمْ فَلا تَخْشَوْهُمْ وَاخْشَوْنِ الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الإسْلامَ دِينًا فَمَنِ اضْطُرَّ فِي مَخْمَصَةٍ غَيْرَ مُتَجَانِفٍ لإثْمٍ فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

ขอย้ำเตือนตนเองและท่านทั้งหลาย จงตระหนักถึงความสำคัญและภารกิจแห่งการเป็นมุสลิมที่ดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระองค์ที่ทรงรักและมีความปรารถนาดีแก่เราทั้งหลาย ดังนั้นขอให้เราทุกๆ คน จงยำเกรงต่อพระองค์ และจงรำลึกอยู่เสมอว่าทุกๆ การกระทำของเรา ย่อมประจักษ์ต่อพระองค์ ทั้งสิ้น ดังนั้น จงดำเนินภารกิจต่อๆ อย่างมีสติ และมีความยำเกรงต่อพระองค์ให้มากที่สุด ท่านทั้งหลาย เมื่อมีประกาศการเข้าสู่เดือนซุ้ลฮิจญะห์ นั่นย่อมหมายความถึงภารกิจและกิจกรรมต่างๆของบรรดาหุจญาตทั้งหลายจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎเกณฑ์ ข้อบังคับแห่งหัจญ์อย่างเคร่งครัดเข้มงวด เพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้บรรลุการบำเพ็ญหัจญ์ที่พระองค์ทรงรับรอง และกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนด้วยสวัสดิภาพ

ท่านทั้งหลาย

ขอให้ทุกๆคน ณ ที่นี้ จงพิจารณาถึงการบำเพ็ญหัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา ตามบทความที่จะได้กล่าวถึงต่อไปนี้

ในวันที่ 8 ซุลฮิจญะห์ ศาสดามุฮัมมัดและบรรดามุสลิมได้ไปพักอยู่ที่ตำบลมินาและค้างอยู่ที่นั่น วันรุ่งขึ้นท่านได้ขึ้นอูฐเดินทางไปยังภูเขาอะรอฟะฮ ได้ตั้งกระโจมพักอยู่ตรงด้านตะวันออกของภูเขาตรงจุดนี้เรียกกันว่านะมีรอฮ ในตอนเที่ยงท่านได้เดินทางไปถึงภูเขานูร ณ ที่นี้เองท่านได้นั่งบนหลังอูฐ และเริ่มเทศนาสั่งสอนชาวมุสลิมด้วยเสียงอันดัง โดยมี เราะบีอะฮ อิบนุ อุมัยยะฮ อิบนุ เคาะลัฟ (Rabiah ibn Umayyah ibn Khalaf) คอยพูดซ้ำทีละประโยค ศาสดาเริ่มต้นด้วยการกล่าวสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าขอบคุณพระองค์แล้วท่านก็กล่าวสุนทรพจน์ดังต่อไปนี้ :

"โอ้ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟังคำพูดของฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่าฉันจะได้พบกับพวกท่าน ในโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อไร โอ้ท่านทั้งหลายชีวิตและทรัพย์สินของพวกท่านเป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นสิ่งที่คนหนึ่งคนใดจะมาล่วงละเมิดมิได้ จนกว่าพวกท่านจะได้พบกับผู้อภิบาลเสมือนกับวันบริสุทธิ์นี้ และเดือนนี้เป็นเวลาที่ต้องห้ามสำหรับพวกท่านและเมืองนี้ก็เป็นเมืองต้องห้ามสำหรับพวกเท่านทั้งหลาย พวกท่านทั้งหลายจะต้องได้รับการสอบสวนจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านในกิจการงานทุกอย่างที่พวกท่านได้กระทำไว้

โอ้ประชาชนทั้งหลายพวกท่านทั้งหลายมีสิทธิที่ได้รับมอบหมายเหนือฝ่ายสตรี และฝ่ายสตรีก็มีสิทธิเหนือฝ่ายชายเช่นกันในหน้าที่ที่ท่านได้รับมอบหมาย ดังนั้นพวกท่านจงได้ปกป้องดูแลภรรยาของพวกท่านด้วยความรักความเมตตาเถิด แน่นอนใครที่ทำได้เช่นนั้นก็เท่ากับเขาได้ปกครองดูแลภรรยของเขาเอาไว้ให้อยู่ในความพิทักษ์รักษาของพระผู้เป็นเจ้า พวกท่านทั้งหลายจงรักษาความศรัทธาเชื่อมั่นให้คงไว้ในจิตใจของพวกท่าน และจงหลีกเลี่ยงออกห่างจากเรื่องบาปกรรม และความชั่ว ดอกเบี้ยหรือการให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเป็นสิ่งต้องห้าม สำหรับลูกหนี้ให้ส่งคืนเฉพาะเงินในจำนวนที่ยืมมาและเรื่องของดอกเบี้ยที่จำเป็นจะต้องถูกยกเลิกคือ ดอกเบี้ยของอับบาส อิบนุ อบูฏอลิบ (Abbas Ibn Abutalib)

นับแต่นี้ต่อไปเรื่องของการแก้แค้นทดแทนกันด้วยเลือด เช่นในสมัยของยุคป่าเถื่อน เป็นเรื่องต้องห้าม การอาฆาต จองล้างจองผลาญกันด้วยเลือดต้องสิ้นสุดกันเสียที เริ่มต้นด้วยเรื่องการฆาตกรรมของอิบนุเราะบีอะฮ อิบนุ ฮาริษ (Ibn Rabia-h ibn Harith)

โอ้ประชาชนทั้งหลาย บรรดาข้าทาสคนใช้ของพวกท่านที่อยู่ในความดูแลของพวกท่านนั้นจงเลี้ยงดูพวกเขาเช่นอาหารที่พวกท่านรับประทาน และให้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขาด้วยเครื่องนุ่งห่มที่พวกท่านใช้ หากพวกเขาได้กระทำในสิ่งที่เป็นความผิดพลาดชนิดที่ท่านไม่ปรารถนาที่จะอภัยให้พวกเขาก็จงแยกทางกับเขาเสีย อย่าทำร้ายเฆี่ยนตีทำทารุณพวกเขา เพราะเขาต่างก็เป็นบ่าวของพระองค์เช่นเดียวกับพวกเรา

โอ้ประชาชนทั้งหลายมารร้ายนั้นได้หมดสิ้นความหวังทั้งมวล ที่จะได้รับการเคารพบูชาในดินแดนของพวกท่านแล้ว แต่กระนั้นก็ตามมันยังเป็นห่วงที่จะกำหนดการกระทำอันต่ำต้อยของพวกท่านอยู่ เพราะฉะนั้นจงระวังมันไว้เถิด เพื่อความปลอดภัยแห่งตัวท่านและศาสดาของท่าน

โอ้ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านจงรำลึกและจดจำในสิ่งที่ฉันพูด พวกท่านต้องรำลึกเสมอว่า มุสลิมทุกคนนั้นมีฐานะเป็นพี่น้องกัน พวกท่านทั้งหลายต่างมีความเท่าเทียมกัน และขอให้ทุกคนมีความพอใจในสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบที่เรามีอยู่เสมอหน้ากัน พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่เป็นสมาชิกของสังคมพี่น้องเดียวกันจงปกป้องตัวของท่านให้ห่างไกลจากความอยุติธรรมในทุกกรณี ขอให้บุคคลที่อยู่ที่นี้จงนำสิ่งที่ได้ยินจากฉันไปบอกเล่าแก่บุคคลที่เขาไม่ได้มาอยู่ ณ ที่นี้เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าคนที่ไม่ได้รับการบอกเล่านั้นอาจมีความจดจำได้ดีกว่าบุคคลที่ได้ยินไปจากฉันโดยตรงก็เป็นได้ และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจเขาจะต้องไม่ให้ผู้ที่ไว้วางใจเขาประสบความผิดหวัง

โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลายหากเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องจากพวกท่านไปแล้ว พวกท่านจงอย่าได้หันกลับไปต่อสู้เป็นศัตรูหลั่งเลือดกัน เหมือนอย่างเช่นสมัยแห่งความโง่เขลา ดังที่ได้ผ่านมา แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนึ่งแก่พวกท่านทั้งหลายซึ่งหากพวกท่านยึดเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว ท่านทั้งหลายจะไม่หลงออกไปสู่แนวทางที่เหลวไหลเป็นอันขาด สิ่งนั้นคือ อัลกุรอาน และซุนนะฮของฉัน

โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย แท้จริงพระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านนั้นมีพระองค์เดียว ต้นตระกูลของพวกท่านก็สืบมาจากเชื้อสายเดียวกัน นั่นคืออาดัม และอาดัมนั้นถูกสร้างมาจากดิน แท้จริงผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกเจ้านั้นคือผู้ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ มากที่สุด คนอาหรับก็หาใช่จะเป็นคนดีเลิศเหนือคนชาติอื่น ๆ นอกจากพวกเขาจะมีความยำเกรงมากกว่าเท่านั้น

โอ้ ท่านทั้งหลายจงสดับฟังถ้อยคำของฉันให้ดี จงรู้เถิดว่ามวลมุสลิมนั้น ย่อมเป็นพี่น้องกันและจงรู้เถิดว่า บรรดามุสลิมก็คือภราดรภาพอันหนึ่งอันเดียวกันไม่มีสิ่งใดที่เป็นของพี่น้องมุสลิมด้วยกัน จะเป็นของมุสลิมโดยถูกต้อง นอกจากว่าเขาผู้นั้นจะให้โดยเต็มใจ และไม่คิดมูลค่า เพราะฉะนั้นจงอย่ากระทำการอยุติธรรมต่อตัวของท่านเอง

โอ้ พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ได้ประกาศสัจธรรมออกเผยแพร่แล้ว โอ้องค์พระผู้อภิบาล ขอได้โปรดเป็นพยานให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"

เมื่อศาสดาเสร็จจากการให้โอวาทครั้งนี้แล้ว ท่านได้ลงจากหลังอูฐ ซึ่งเป็นพาหนะของท่านเพื่อทำนมาซซุฮ์ริ (นมัสการในช่วงบ่าย) และท่านได้นมาซอัสริด้วย (นมัสการในช่วงตะวันคล้อย) ท่านศาสดาได้สำนึกในพระเมตตาจากองค์พระผู้อภิบาล ที่ได้ทรงประทานความดีงามมากมายให้แก่ตัวท่าน และผลงานของท่าน และได้ให้เกียรติต่อการเป็นศาสนทูตของท่าน และท่านได้อ่านโองการจากคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลมาอิดะฮ์ Al-Qur'an, 005.003 (Al-Maeda [The Table, The Table Spread]) ความว่า

005.003 حُرِّمَتْ عَلَيْكُمُ الْمَيْتَةُ وَالدَّمُ وَلَحْمُ الْخِنْزِيرِ وَمَا أُهِلَّ لِغَيْرِ اللَّهِ بِهِ وَالْمُنْخَنِقَةُ وَالْمَوْقُوذَةُ وَالْمُتَرَدِّيَةُ وَالنَّطِيحَةُ وَمَا أَكَلَ السَّبُعُ إِلا مَا ذَكَّيْتُمْ وَمَا ذُبِحَ عَلَى النُّصُبِ وَأَنْ تَسْتَقْسِمُوا بِالأزْلامِ ذَلِكُمْ فِسْقٌ الْيَوْمَ يَئِسَ الَّذِينَ كَفَرُوا مِنْ دِينِكُمْ فَلا تَخْشَوْهُمْ وَاخْشَوْنِ الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الإسْلامَ دِينًا فَمَنِ اضْطُرَّ فِي مَخْمَصَةٍ غَيْرَ مُتَجَانِفٍ لإثْمٍ فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ

005.003 Forbidden to you (for food) are: dead meat, blood, the flesh of swine, and that on which hath been invoked the name of other than Allah; that which hath been killed by strangling, or by a violent blow, or by a headlong fall, or by being gored to death; that which hath been (partly) eaten by a wild animal; unless ye are able to slaughter it (in due form); that which is sacrificed on stone (altars); (forbidden) also is the division (of meat) by raffling with arrows: that is impiety. This day have those who reject faith given up all hope of your religion: yet fear them not but fear Me. This day have I perfected your religion for you, completed My favour upon you, and have chosen for you Islam as your religion. But if any is forced by hunger, with no inclination to transgression, Allah is indeed Oft-forgiving, Most Merciful.

[5.3] ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งสัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์ ที่มัน (ขณะเชือด) และสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และสัตว์ที่ถูกตีตาย และสัตว์ที่ตกเหวตายและสัตว์ที่ถูกขวิดตาย และสัตว์ที่สัตว์ร้ายกัดกิน นอกจากที่พวกเจ้าเชือดกัน และสัตว์ที่ถูกเชือดบนแท่นหินบูชา และการที่พวกเจ้าเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว เหล่านั้นเป็นการละเมิดวันนี้ บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา หมดหวังในศาสนาของพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ากลัวพวกเขา และจงกลัวข้าเถิด วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว ผู้ใดได้รับความคับขันในความหิวโหย โดยมิใช่เป็นผู้จงใจกระทำบาปแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ

ท่านอบูบักร์เมื่อได้ยินท่านศาสดาอ่านโองการจากคัมภีร์อัลกุรอานท่านก็เกิดความเข้าใจ และทราบความหมายเป็นอย่างดีจากอายะฮ์ที่นำมานี้ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ล่วงหน้าแล้วว่าท่านได้มาถึงช่วงปลายของชีวิต อบูบักร์รู้สึกไม่สบายใจ ท่านได้แอบร้องไห้อยู่เงียบ ๆ โอวาทของท่านแม้จะเป็นโอวาทที่สั้น แต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าบรรจุด้วยถ้อยคำตักเตือนที่ทรงคุณมหาศาล ชาวมุสลิมเรียกสุนทรพจน์ครั้งนี้ว่าคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย

ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้ออกจากทุ่งอารอฟะฮ์ไปค้างคืนที่มุซดะลีฟะฮ์ในตอนเช้าท่านจึงเดินทางเข้าสู่มินา เพื่อเตรียมตัวที่จะขว้างเสาหิน อันเป็นสัญลักษณ์ของชัยฎอนมารร้าย เมื่อมาถึงกระโจมที่พักท่านได้ทำกุรบ่าน (การเชือดพลี) 63 ตัว ตามอายุของท่านขณะนั้น การทำฮัจญ์ครั้งนี้บางครั้งมีผู้เรียกว่า "การทำฮัจญ์อำลา" (ฮัจญะตุลวะดาฮ์) อันที่จริงนี่เป็นการฮัจญ์ใหญ่ครั้งเดียวของท่าน ที่เรียกดังนี้เพราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านได้เห็นนครมักกะฮ์ ปีนี้เป็นปีที่สิบเอ็ดของศักราชอิสลาม ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เริ่มมีอาการป่วยไข้เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ แต่ท่านก็ไม่ได้หยุดยั้งในการคิดใคร่ครวญหาทางปกป้องศาสนาอิสลามให้พ้นจากภัยของศัตรู

ในรุ่งเช้าวันจันทร์วันหนึ่ง อาการอ่อนเพลียและไข้ของท่านศาสดาได้กำเริบสูงขึ้น และอาการเริ่มทรุดลงตามลำดับ ท่านทราบดีว่าเวลาที่ท่านได้กลับไปสู่พระผู้อภิบาลได้ใกล้เข้ามาแล้วและด้วยสภาพที่อ่อนระโหยนั้น ท่านได้วิงวอนออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า "โอ้พระผู้อภิบาล ขอทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ให้พ้นจากความทรมานในความตายด้วยเถิด" และในที่สุดท่านก็ได้เสียชีวิตในวันจันทร์ที่สิบสองของเดือนเราะบิอุลเอาวัลในปีที่สิบเอ็ดหลังจากปีฮิจญเราะห์ (วันที่ 8 เดือนมิถุนายน ปี ค.. 632) รวมอายุได้ 63 ปี

เมื่อข่าวศาสดาสิ้นชีวิตแพร่ขยายออกไปบรรดามุสลิมต่างเร่งรีบมายังมัสญิด เพื่อสืบให้รู้แน่ชัดว่าข่าวที่พวกเขาได้รับนั้นเป็นความจริงแค่ไหน เพราะไม่มีใครอยากเชื่อว่าศาสดาได้จากไปแล้วสหายคนสนิทของท่าน และเป็นพ่อตาของท่านคือ อุมัร อิบนุ อัล ค็อฏฏ็อบตกตะลึงต่อข่าวนี้ ท่านถึงกับชักดาบออกมาจากฝักพลางร้องประกาศว่าใครขืนพูดว่าศาสดาตายฉันจะตัดคอคนพูดทันที ขณะที่เกิดเหตุการณ์สับสนวุ่นวายกันอยู่นี้มีสาวกของศาสดาคนหนึ่งได้รีบนำเอาข่าวการสิ้นชีวิต ไปแจ้งให้อบูบักร์สหายคนสนิท และเป็นพ่อตาของท่านอีกคนหนึ่งให้ทราบ และท่านอบูบักร์ก็ได้รีบรุดมายังบ้านของท่านศาสดาท่านได้ออกไปยืนอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของมันซิดและได้ประกาศแก่ผู้ชุมนุมว่า "หากพวกท่านมีความเคารพต่อท่านศาสดามุฮัมมัดอย่างจริงใจพึงรู้เถิดว่ามุฮัมมัดได้สิ้นชีวิตแล้ว แต่ถ้าหากท่านมีความเคารพบูชาต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้วขอให้รู้เถิดว่าพระเจ้าทรงยั่งยืนไม่มีการดับสลาย" แล้วท่านอบูบักร์ก็ได้อัญเชิญคัมภีร์ อัลกุรอาน เพื่อประกาศให้บรรดาคนทั่วไป ณ ที่นั้นได้รำลึกและเตือนสติว่า จากโองการอัลกุรอาน ซูเราะฮ์อาลิอิมรอน Al-Qur'an, 003.144 (Aal-E-Imran [The Family of Imran]) ความว่า

003.144 وَمَا مُحَمَّدٌ إِلا رَسُولٌ قَدْ خَلَتْ مِنْ قَبْلِهِ الرُّسُلُ أَفَإِنْ مَاتَ أَوْ قُتِلَ انْقَلَبْتُمْ عَلَى أَعْقَابِكُمْ وَمَنْ يَنْقَلِبْ عَلَى عَقِبَيْهِ فَلَنْ يَضُرَّ اللَّهَ شَيْئًا وَسَيَجْزِي اللَّهُ الشَّاكِرِينَ

003.144 Muhammad is no more than a messenger: many Were the messenger that passed away before him. If he died or were slain, will ye then Turn back on your heels? If any did turn back on his heels, not the least harm will he do to Allah; but Allah (on the other hand) will swiftly reward those who (serve Him) with gratitude.

[3.144] และมุฮัมมัดนั้นหาใช่อื่นมดไม่นอกจากเป็นร่อซู้ลผู้หนึ่งเท่านั้น ซึ่งบรรดาร่อซู้ลก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตาม พวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ? และผู้ใดที่หันสันเท้าทั้งสองของเขากลับแล้วไซร้ มันก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮ์แต่อย่างใดเลย และอัลลอฮ์นั้นจะทรงตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย

เมื่อคำประกาศนี้สิ้นสุดลง บรรดามุสลิมก็ได้คลายความสับสนว้าวุ่นทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ต่างเคยได้ยินโองการนี้มานับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่อบูบักร์จะอัญเชิญมาเตือนกัน พวกเขายอมรับไม่ได้ก็เพราะว่าพวกเขาได้รับทราบข่าวการเสียชีวิตของศาสดาในเวลากระทันหัน และรวดเร็วโดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน มาบัดนี้พวกเขาไม่สงสัยอีกแล้วว่า ศาสดาได้จากพวกเขาแล้ว อย่างไม่มีวันกลับเช่นเดียวกับบรรดาศาสดาอื่น ๆ ในอดีต

ดังนั้น ขอให้เราทั้งหลายจงตระหนักถึงความสำคัญของการบำพ็ญหัจญ์ และการปฏิบัติตน การครองตน การเชื่อมสัมพันธ์กับญาติ และเพื่อนๆ ตลอดจนเพื่อนต่างศาสนิก เพื่อที่จะทำให้เราทั้งหลายจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ไม่เกิดความขัดแย้ง ไม่เกิดความบาดหมางระหว่างกัน อยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุขตลอดไป นอกเหนือจากนี้เราทั้งหลายที่ไม่ได้บำเพ็ญหัจญ์ จงอย่าลืมซุนนะห์ของท่านศาสดาในการถือศีลอดในวันที่ 9 ซุ้ลฮิจญะห์ โดยพร้อมเพรียงกัน

إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

อ้างอิง

บทความเรื่อง “การทำฮัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา” จากเวปไซด์ www.muslimthai.com ปี พ.ศ. 2543

Text Copied from DivineIslam's Qur'an Viewer software v2.9

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น