วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แม้ว่าอากาศแปรปรวนก็ขอจงมีจิตใจที่หนักแน่น

มิมบัรออนไลน์


คุตบะห์วันศุกร์ 30 มุฮัรรอม 1434 (วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555)

แม้ว่าอากาศแปรปรวนก็ขอจงมีจิตใจที่หนักแน่น



الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

أَوْ كَصَيِّبٍ مِنَ السَّمَاءِ فِيهِ ظُلُمَاتٌ وَرَعْدٌ وَبَرْقٌ يَجْعَلُونَ أَصَابِعَهُمْ فِي آذَانِهِمْ مِنَ الصَّوَاعِقِ حَذَرَ الْمَوْتِ وَاللَّهُ مُحِيطٌ بِالْكَافِرِينَ

يَكَادُ الْبَرْقُ يَخْطَفُ أَبْصَارَهُمْ كُلَّمَا أَضَاءَ لَهُمْ مَشَوْا فِيهِ وَإِذَا أَظْلَمَ عَلَيْهِمْ قَامُوا وَلَوْ شَاءَ اللَّهُ لَذَهَبَ بِسَمْعِهِمْ وَأَبْصَارِهِمْ إِنَّ اللَّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

يَا أَيُّهَا النَّاسُ اعْبُدُوا رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُمْ وَالَّذِينَ مِنْ قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ



ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

จงแสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระองค์ให้มากที่สุด จงตระหนักและระวังตนเองหากมีเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจส่งผลให้จิตใจของเราอ่อนไหว สั่นคลอน และโน้มตนเองไปสู่หนทางแห่งการเอนเอียงทางด้านการศรัทธา เพราะนั่นคือสิ่งที่บั่นทอนและทำให้เราออกห่างไกลจากแนวทางอันเที่ยงตรงและใกล้ชิดกับพระองค์

หากเราพิจารณาสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนอยู่ในขณะนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเหตุการณ์ที่หลายๆ สำนักต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นอาเพศและเป็นสิ่งบอกเหตุถึงความเลวร้าย การถูกทำลายจากภัยธรรมชาติ หรือหากมองถึงความเห็นของชนกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะสะท้อนและบ่งบอกถึงภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (12122012) แต่ในแนวทางคำสอนของอิสลามที่ท่านศาสดามูฮำมัด (ซ.ล.) ได้รับวะยูฮ์จากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) แล้ว เหตุการณ์ในวันกิยามัตจะเกิดขึ้น จะมีสัญญาณทั้งสัญญาณใหญ่และสัญญาณเล็ก ปรากฏขึ้น เป็นสัญญาณเตือนภัยที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่จะอุบัติขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านศาสดาไม่ได้ระบุไว้ คือ กำหนดเวลาที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆ เมื่อใด แต่สิ่งที่แน่นอน คือ เหตุการณ์ในวันกิยามัตนั้น จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ท่านทั้งหลาย

มนุษย์ มีความเคลื่อนไหวปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งความคิด จิตใจ การกระทำ ที่แสดงออกมาทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ รวมถึงการแสดงออกทางพฤติกรรม จะเห็นว่า ผลประโยชน์ของมนุษย์ คือตัวกำหนดที่สำคัญในการแสดงออก หากเมื่อใดที่มนุษย์ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด แน่นอนว่าพฤติกรรมที่แสดงออกจะสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเขา การกระทำของเขา ซึ่งเขาจะอ่อนโยนหรือแข็งกระด้างต่อผู้หนึ่งผู้ใด และเขาจะให้หรือจะยอมฟังผู้อื่นหรือไม่ ก็ด้วยจิตใจของเขาในขณะนั้น แต่เมื่อใดที่เขาได้รับประโยชน์นั้นในปริมาณที่ลดน้อยลง หรือไม่ไดรับผลประโยชน์ใดๆ ความไม่เพียงพอในจิตใจของเขา ก็จะแสดงออกถึง ความกริ้วโกรธ ความไม่พึงพอใจในสิ่งต่างๆ การเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้อื่นที่ได้รับผลประโยชน์นั้นๆ โดยที่เขาไม่ย้อนกลับมาพิจารณาตนเองเลยว่า เขาควรแสดงออกอย่างไร เมื่อได้รับหรือไม่ได้รับผลประโยชน์ต่างๆ เหล่านั้น และเขาได้แสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกแล้วหรือยัง การแสดงออกถึงความยำเกรงอย่างยิ่งนั้น คือ บทบาทของผู้ที่น้อมรับและเกรงกลัวต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เป็นความเกรงกลัวที่สะท้อนให้เห็นถึงการมอบหมายชีวิต การมอบหมายอิบาดัร และการมอบหมายในทรัพย์สินและปัจจัยยังชีพต่างๆ ที่พระองค์ทรงตอบรับและจัดสรรด้วยความเมตตากรุณาปราณีต่อเขาเหล่านั้น หาใช่ว่ามวลมนุษย์ พึงแสดงออกถึงความขอบคุณเมื่อได้รับประโยชน์ หากแต่รู้สึกเฉยๆ เมื่อไม่ได้รับ หรือได้รับน้อยลง แน่นอนว่าทุกๆ ริสกีของพระองค์ นั้น คือการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบอันน้อยนิดหรือเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ ก็ตาม สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราพึงตระหนักให้มากยิ่ง

ท่านทั้งหลาย

ยามใดที่อากาศแปรปรวน หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม แนวทางของท่านศาสดาที่แสดงออกต่อเรื่องราวต่างๆ นั้น คือการนิ่งเฉย อดทนต่อปรากฏการณ์ต่างๆ พร้อมทั้งแสดงออกถึงความอดทนในเรื่องราวนั้นๆ เพราะนั่นคือการทดสอบจากพระองค์ เพื่อเตือนตนเองว่า สิ่งที่บกพร่อง สิ่งที่ยังขาดหรือมองข้ามไปนั้น เราคิดทบทวนบ้างหรือไม่ หาแนวทางแก้ไข ด้วยความยำกรงในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่แสดงออกถึงความท้าทาย ความเห็นที่ปราศจากแนวทางอันเที่ยงตรง เพราะทุกๆ ภัยพิบัติ (บาลา) นั้น มีริสกีแฝงเร้นไว้ การทดสอบจากพระองค์ จะมีรางวัลอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ ขอเพียงเราทั้งหลาย อย่าได้บิดพลิ้ว หรือแสดงออกเฉกเช่นเดียวกับชนผู้ปฏิเสธต่อหลักการของพระองค์ ขอให้พิจารณาโองการ 3 โองการจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 002.019-021 (Al-Baqara [The Cow]) ความว่า

002.019 أَوْ كَصَيِّبٍ مِنَ السَّمَاءِ فِيهِ ظُلُمَاتٌ وَرَعْدٌ وَبَرْقٌ يَجْعَلُونَ أَصَابِعَهُمْ فِي آذَانِهِمْ مِنَ الصَّوَاعِقِ حَذَرَ الْمَوْتِ وَاللَّهُ مُحِيطٌ بِالْكَافِرِينَ

002.019 Or (another similitude) is that of a rain-laden cloud from the sky: In it are zones of darkness, and thunder and lightning: They press their fingers in their ears to keep out the stunning thunder-clap, the while they are in terror of death. But Allah is ever round the rejecters of Faith!

19. หรือดังฝนที่หลั่งลงมาจากฟากฟ้า โดยที่ในฝนนั้นมีทั้งบรรดาความมืด ฟ้าคำรน และฟ้าแลบ พวกเขาจึงเอานิ้วมือของพวกเขาอุดหูไว้ เนื่องจากฟ้าผ่า ทั้งนี้เพราะกลัวความตาย (ตามธรรมดาสำหรับผู้มีปัญญานั้น เมื่อกลัวฟ้าผ่า ก็จะต้องหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นสื่อไฟฟ้าเสีย จึงจะได้รับความปลอดภัย ไม่ใช่เอานิ้วมืออุดหู เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียฟ้าผ่า แล้วฟ้าก็จะไม่ผ่า อันเป็นการกระทำของผู้ที่ขาดปัญญา ในทำนองเดียวกัน พวกมุนาฟิกที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมฟัง อัล-กรุอาน และคำแนะนำของท่านนะบีนั้น ก็ใช่ว่าจะพ้นการลงโทษของอัลลอฮฺได้ เพียงแต่แก้ตัวว่าไม่เคยได้ยินโองการของอัลลอฮฺและคำแนะนำของท่านนะบีเท่านั้น)และอัลลอฮฺนั้นทรงล้อม(เป็นการแจ้งให้ทราบว่าพวกเขาไม่สามารถจะหนีให้พ้นไปได้ เพราะประหนึ่งพวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว) พวกปฏิเสธการศรัทธาเหล่านั้นไว้แล้ว

002.020 يَكَادُ الْبَرْقُ يَخْطَفُ أَبْصَارَهُمْ كُلَّمَا أَضَاءَ لَهُمْ مَشَوْا فِيهِ وَإِذَا أَظْلَمَ عَلَيْهِمْ قَامُوا وَلَوْ شَاءَ اللَّهُ لَذَهَبَ بِسَمْعِهِمْ وَأَبْصَارِهِمْ إِنَّ اللَّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

002.020 The lightning all but snatches away their sight; every time the light (Helps) them, they walk therein, and when the darkness grows on them, they stand still. And if Allah willed, He could take away their faculty of hearing and seeing; for Allah hath power over all things.

20. สายฟ้าแลบแทบจะเฉี่ยวสายตาของพวกเขาไป (อัลลอฮฺทรงเปรียบเทียบว่า ความชัดเจของอัล-กรุอานนั้นให้ความเจิดจ้าประดุจสายฟ้าแลบที่แทบจะเฉี่ยวสายตาของพวกเขาไป) คราใดที่มันให้แสงสว่างแก่พวกเขา พวกเขาก็เดินไปในแสงสว่างนั้น(ทรงเทียบว่า เมื่ออัล-กรุอานได้ให้ความเข้าใจแก่พวกเขา ในสิ่งที่พวกเขายังมืดมนอยู่ (อันเปรียบเสมือนแสงฟ้าแลบที่ให้ความสว่างแก่พวกเขา) พวกเขาก็ปฏิบัติตาม (อันเปรียบเสมือนพวกที่ยืนอยู่กับที่) และเมื่อมันมืดลงแก่พวกเขา พวกเขาก็หยุดยืน แลหากอัลลอฮฺทรงประสงค์แล้ว (ถ้าอัลลอฮฺทรงประสงค์จะลงโทษพวกเขา พระองค์ก็ทรงให้ตาของพวกเขาบอดไปแล้ว เพราะมีตาก็เหมือนไม่มี เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองแต่อย่างใด) แท่นอนก็ทรงนำเอาหูและตาของพวกเขาไปแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

002.021 يَا أَيُّهَا النَّاسُ اعْبُدُوا رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُمْ وَالَّذِينَ مِنْ قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ

002.021 O ye people! Adore your Guardian-Lord, who created you and those who came before you, that ye may have the chance to learn righteousness;

21. มนุษย์เอ๋ย! จงเคารพอิบาดะฮฺ (การให้เอกภาพแเด่อัลลอฮฺด้วยความนอบน้อมถ่อมตน และจงรักภักดีต่อประองค์) พระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าที่ทรงบังเกิดพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้าเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะทรงยำเกรง

ขอให้เราทั้งหลายพึงตระหนัก และปรับปรุงตนเองให้ได้ใกล้ชิดต่อพระองค์ และดูแลทุกๆ คนในปกครองให้อยู่ในแนวทางอันเที่ยงตรง ขอฝากอัลฮาดีส ความว่า

A man from among those who were before you was called to account. Nothing in the way of good was found for him except that he used to have dealings with people and, being well-to-do, he would order his servants to let off the man in straitened circumstances [from repaying his debt]. He (the Prophet p.b.u.h) said that Allah said: We are worthier than you of that (of being so generous). Let him off. Source : Hadith Qudsi 12

ทางที่ดีงามที่สุด คือหนทางที่เรานั้นประพฤติปฎิบัติตนในแบบฉบับของท่านศาสดาและแนวทางตามคำสอนของอัลกุรอ่าน อย่าได้ปล่อยจิตใจของเราออกห่างไกล แท้จริงนั้น เราควรจดจำวิธีปฏิบัติและการแสดงออกในหนทางที่ดีงามเฉกเช่นการปฏิบัติตนของท่านศาสดา (ซ.ล.)



إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

ทุกๆ ความดีงามและความประเสริฐ จากมิมบัรออนไลน์นี้

ข้าพเจ้า ขอต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงตอบรับดุอาร์ และขอให้คุณแม่ของผมได้มีส่วนร่วมในผลงานนี้ด้วย

และขอต่อพระองค์ทรงตอบรับดุอาร์และให้อภัยโทษต่อคุณแม่ของผม ด้วยเทอญ

อามีน



อ้างอิง

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp , www.DivineIslam.com

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ธรรมนูญสูงสุดแห่งชีวิต

มิมบัรออนไลน์


คุตบะห์วันศุกร์ 23 มุฮัรรอม 1434 (วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555)



ธรรมนูญสูงสุดแห่งชีวิต



الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

ขอให้เราทั้งหลายจงยำเกรงต่อพระองค์ให้มาก เพราะความยำเกรงต่อพระองค์ คือ หัวใจสำคัญแห่งงการปฏิบัติศาสนกิจ ขอให้เราทั้งหลายอย่าได้บกพร่องต่อการปฏิบัติอามั้ลเพื่อพระองค์ และยอมจำนนศิโรราบต่อพระองค์เพื่อภาคผลที่สมบูรณ์ในศาสนกิจเพื่อพระองค์

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้ผ่านพ้นการเฉลิมฉลองเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ การเทิดทูนสถาบันสูงสุดของประเทศ และวันฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขอให้เราลองย้อนตรวจสอบตนเองดูว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เราได้แง่คิดเช่นไรบ้าง และแง่คิดดังกล่าวนั้นก่อให้เกิดแง่มุมต่อกิจวัตรที่สำคัญในแง่ของความเปลี่ยนแปลงตนเองมากน้อยเพียงใด เพราะช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สะท้อนให้เรามองเห็นถึงการปฏิบัติศาสนกิจ จุดมุ่งหมายแห่งการกระทำ ภาคผลของอิบดัร และเป้าหมายแห่งศาสนกิจนั้นมุ่งตรงสู่พระองค์หรือเพียงเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดหรือไม่ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ซึ่งนักการเมืองใช้เป็นประเด็นที่จะจูงใจประชาชนโดยมองประโยชน์และความได้เปรียบของกลุ่มพวกแห่งตนที่จะชนะการเลือกตั้งเข้าสู่การใช้อำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการเข้าสู่อำนาจของสมาชิกรัฐสภา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ความได้เปรียบของกลุ่มนักการเมืองต่อผลการเลือกตั้ง การแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทสูงสุดในการปกครองประเทศ การแก้ไขในแต่ละครั้งทำได้ค่อนข้างยากมาก บางกลุ่มใช้เป็นประเด็นทางการเมืองต้องการแก้ไข แต่ในบางกลุ่มก็ไม่ต้องการแก้ไข และทุกครั้งที่มีความขัดแย้งทางการเมืองก็มักจะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็นกลุ่มที่จะสนับสนุนหรือทำการต่อต้าน รวมทั้งใช้กำลังทหารเพื่อการปฏิวัติรัฐประหารเปลี่ยนแปลงกฎหมายสูงสุดนี้ตามความพึงพอใจของผู้ที่ได้อำนาจและต้องการรักษาอำนาจนั้นไว้ให้กับกลุ่มหรือคณะแห่งตนโดยการกล่าวอ้างเพียงเพื่อประโยชน์ประชาชน จะเห็นได้ว่า เมื่อเวลาเปลี่ยนไป อำนาจเปลี่ยนไป กฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการรักษาอำนาจรักษากฎกติกาเพียงเพื่อความหวงแหนอำนาจนั้นไว้ แต่ในแง่มุมแห่งกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าในปัจจุบันแพทย์สามารถแปลงเพศชายให้กลายเป็นหญิงได้ในทางการแปลงอวัยวะภายนอก แต่สรีระ โครงสร้าง ตลอดจนยีน ไม่สามารถแปลงได้ หรือแม้แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วในบางประเทศ มีการแก้ไขปรับปรุงให้กลุ่มข้ามเพศเหล่านี้สามารถแต่งงานกันได้ทางกฎหมายและสิทธิ์เหล่านี้ผูกพันกันทางทรัพย์สินต่างๆ ได้ รวมถึงการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งเสรีเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาการสำส่อนทางเพศอย่างเสรีโดยปราศจากความละอายต่อพระองค์ ทั้งๆ ที่การเข้าใกล้ซินา คือความโสมมและความเลวทรามแต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเหล่านี้ กลับมีมุมมองที่หละหลวมมองเพียงความอยู่รอดทางสังคม ความสบายใจของมนุษย์โดยมองข้ามคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของพระองค์ กระทบต่อกฎเกณฑ์และกำแพงแห่งศีลธรรมจรรยา

ท่านทั้งหลาย

อัลกุรอ่าน พระคัมภีร์แห่งพระองค์ที่ทรงประทานให้ท่านศาสดามูฮัมมัด (ซ.ล.) ในการประกาศคำสอนนี้แก่มวลประชาชาติทั้งหลาย อัลกุรอ่าน ได้กล่าวถึงความจริง และการท้าทายให้ผู้ที่สงสัยได้พิสูจน์ความจริงที่ได้กล่าวไว้ และผลแห่งการพิสูจน์เมื่อได้ประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งหลายแล้ว แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นย่อมจำนนต่อข้อพิสูจน์จากพระองค์ และพร้อมกลับสู่แนวทางอันเที่ยงตรง ขอให้พิจารณาโองการจากอัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 002.079 (Al-Baqara [The Cow]) ความว่า

002.079 فَوَيْلٌ لِلَّذِينَ يَكْتُبُونَ الْكِتَابَ بِأَيْدِيهِمْ ثُمَّ يَقُولُونَ هَذَا مِنْ عِنْدِ اللَّهِ لِيَشْتَرُوا بِهِ ثَمَنًا قَلِيلا فَوَيْلٌ لَهُمْ مِمَّا كَتَبَتْ أَيْدِيهِمْ وَوَيْلٌ لَهُمْ مِمَّا يَكْسِبُونَ

002.079 Then woe to those who write the Book with their own hands, and then say:"This is from Allah," to traffic with it for miserable price!- Woe to them for what their hands do write, and for the gain they make thereby.

79. ดังนั้นความวิบัติจะได้แก่บรรดาผู้ที่เขียนคัมภีร์ขึ้นด้วยมือของตนเอง แล้วกล่าวว่า นี่แหละมาจากอัลลอฮ์ เพื่อพวกเขาจะได้นำมันไปแลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย (หมายถึง ข้อความที่เขาเขียนขั้นนั้น มีเจตนาที่จะสนับสนุนปฏิบัติการของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์เป็นการตอบแทน) ดังนั้นความวิบัติจะได้แก่พวกเขา เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกเขาได้เขียนขึ้นและความวิบัตินั้นจะได้แก่พวกเขา เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาแสวงหาไว้

จะเห็นได้ว่า อัลกุรอ่าน หาใช่คัมภีร์ที่เหล่าบรรดาชนทั้งหลายจะเขียนขึ้นมาเอง และไม่มีนักประพันธ์คนใดที่จะมีความสามารถที่จะเรียงร้อยถ้อยคำอันไพเราะและมีความหมายที่กินใจ เป็นทั้งคำสั่งห้ามคำสั่งใช้ ประวัติศาสตร์ ข้อปฏิบัติ การสื่อสาร การเล่าความที่เกี่ยวเนื่องกันตลอดทั้งเล่ม การกล่าวถึงความน่าสะพรึงกลัวในการลงโทษของพระองค์ การกล่าวถึงความสุขในสรวงสวรรค์สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังนั้น การที่ท่านศาสดานำโองการจากพระองค์มาประกาศแก่ปวงชนนั้น หาใช่สิ่งที่ท่านสามารถกระทำได้เพราะท่านมิใช่เป็นนักประพันธ์ ท่านมิใช่นักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ ท่านเป็นเพียงชายที่ไร้การศึกษา อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ดังนั้น ทุกๆ วจนารถที่ท่านนำมาประกาศ จึงเป็นพระประสงค์จากพระองค์ หาใช่ทรรศนะหรือการวินิจวิเคราะห์ของท่านศาสดา ดังโองการที่ได้หยิบยกมานี้ นั่นคือประจักษ์พยานที่สำคัญที่พระองค์ได้จำแนกไว้จากคัมภีร์ของพระองค์

ท่านทั้งหลาย

คัมภีร์ที่มีมาก่อนหน้าอัลกุรอ่าน ถูกทำลายด้วยการบิดเบือนรากฐานแห่งความศรัทธาต่อพระองค์ รากฐานของการปฏิบัติที่บิดพลิ้วไปจากแนวทางเพื่อพระองค์ตามจุดมุ่งหมายของผู้ที่ต้องการนั่นย่อมเป็นมูลเหตุพื้นฐานของการทำลาย การปรับปรุงแก้ไขหลักการของพระองค์นั้น มนุษย์ไม่สามารถกระทำได้ แม้ว่ามนุษย์จะประชุมร่วมกันเพื่อแก้ไขปรับปรุงก็ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน นอกจากพระองค์แล้วไม่มีผู้ใดที่จะมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพระดำรัสของพระองค์ได้ ความสูงสุดของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน คือ การที่ประชาชาติทั้งหลายมุ่งมั่นปฏิบัติตามนัยแห่งคำสั่งใช้และห้ามจากพระองค์ การที่มุสลิมนำพระดำรัสของพระองค์มาใช้ปฏิบัติ การท่องจำอัลกุรอ่าน การเรียนการสอนอัลกุรอ่าน และการนำเอาแนวทางของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลักการของพระองค์เป็นหลักยึดเหนี่ยวสำคัญเป็นหลักปฏิบัติที่มุ่งเน้นย้ำให้ทุกๆ คนได้มุ่งตรงต่อพระองค์ และความสูงสุดแห่งโองการของพระองค์ คือ ไม่มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเหมือนดังเช่นการออกกฎหมายของมนุษย์ที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป หรือล้มเลิกแล้วเขียนขึ้นใหม่ทั้งฉบับหากผู้ที่มีอำนาจต้องการ เพราะนั่นเป็นการกระทำที่ละเมิดความเป็นนิติรัฐ ไม่ใช่การมุ่งตรงต่อความเป็นที่สุดของธรรมนูญสูงสุดที่ใช้ปกครองคน หากแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและอำนาจของปวงชน การใช้อำนาจรัฐที่ละเมิดขอบเขตเสรีภาพทางกฎหมายเพื่อประชาชน หาใช่การมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อสนองตอบเสรีภาพของประชาชน แต่มุ่งเพียงตอบสนองผู้ใช้อำนาจรัฐเพียงเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากธรรมนุญสูงสุดของมวลมุสลิมของพระองค์ (อัลกุรอ่าน) ที่ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพราะความสมบูรณ์แห่งอัลกุรอ่านธรรมนูญสูงสุดแห่งชีวิต



إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

ทุกๆ ความดีงามและความประเสริฐ จากมิมบัรออนไลน์นี้

ข้าพเจ้า ขอต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงตอบรับดุอาร์ และขอให้คุณแม่ของผมได้มีส่วนร่วมในผลงานนี้ด้วย

และขอต่อพระองค์ทรงตอบรับดุอาร์และให้อภัยโทษต่อคุณแม่ของผม ด้วยเทอญ

อามีน



อ้างอิง

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com