วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จงรักษาเวลาด้วยความอดทน

มิมบัรออนไลน์
คุตบะห์วันศุกร์ 13 ซุ้ลฮิจญะห์ 1431 (วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553)

จงรักษาเวลาด้วยความอดทน

الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
وَالْعَصْرِ
إِنَّ الإنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ
إِلا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ขอชุกูร ขอบคุณในความเมตตาของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่ให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและได้ใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างเต็มกำลังเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนตนเองและท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่อพระองค์ให้มาก และจงพิจารณาถึงพระราชอำนาจของพระองค์ ความเมตตาของพระองค์ คำบัญชาใช้และห้ามของพระองค์ต่อมวลประชาชาติทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ให้เราได้มีสติปัญญาเพื่อแยกแยะเรื่องราวต่างๆ ตามที่พระองค์ได้จำแนกไว้แล้ว ดังนั้นจึงขอให้เราเร่งรัดตนเองในแนวทางอันเที่ยงตรงที่พระองค์ได้กำหนดไว้ เราได้ใช้สรรพสิ่งของพระองค์โดยที่เราไม่ได้วินิจวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เราได้ใช้ไปนั้นเราใช้อย่างไรและเกิดประโยชน์ใดบ้างหรือเราใช้โดยที่ไม่ได้พินิจพิจารณาถึงคุณค่าของมัน ประโยชน์ที่เราพึงจะได้รับ และที่สำคัญคือในบางครั้งเราละทิ้งสิ่งที่มีค่าโดยที่เราละเลยหรือเมินเฉยต่อคุณค่าที่ดีของมัน
ท่านทั้งหลาย
เวลาคือสิ่งที่มีค่าสิ่งหนึ่งที่เรามักจะละเลย บางครั้งเราใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือย ใช้เวลาโดยไม่พิจารณาถึงคุณค่าของมัน เวลาที่ถูกกำหนดไว้ในแต่ละวันทุกๆ คน มีเท่ากัน แต่มีบางคนรู้จักใช้เวลา แต่บางคนใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้น ขอให้พิจารณาโองการจากอัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 103.001-003 (Al-Asr [The Declining Day, Eventide, The Epoch]) ความว่า
103.001 وَالْعَصْرِ
103.001 By (the Token of) Time (through the ages),
[103.1] ขอสาบานด้วยกาลเวลา
103.002 إِنَّ الإنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ
103.002 Verily Man is in loss,
[103.2] แท้จริง มนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน
103.003 إِلا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ
103.003 Except such as have Faith, and do righteous deeds, and (join together) in the mutual teaching of Truth, and of Patience and Constancy.
[103.3] นอกจากบรรดาผู้ศรัทธา และกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และ
ตักเตือนกันและกัน ให้มีความอดทน
ท่านทั้งหลาย
เราจึงควรพิจารณาถึงการใช้เวลาอย่างเหมาะสม เรามีข้อกำหนด กฎเกณฑ์ ต่างที่จะใช้เวลาในแต่ละกิจกรรมตามความเหมาะสม ขณะเดียวกันเราจึงขอให้เวลาเพื่อกระทำกิจวัตรเพื่อสนองตอบพระบัญชาของพระองค์ และรักษาคุณค่าของเวลาเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของผู้ที่ขาดทุน และเราจงอดทนและรักษาเวลาในกิจกรรมของพระองค์อย่างเหมาะสมและสร้างเสริมคุณค่าของเวลาให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ
إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ
وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ
وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์
วัสสลาม
มูฮำหมัด สันประเสริฐ

อ้างอิง
บทความเรื่อง “การทำฮัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา” จากเวปไซด์ www.muslimthai.com ปี พ.ศ. 2543
Text Copied from DivineIslam's Qur'an Viewer software v2.9
อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/
อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เป็นมุสลิมให้สมบูรณ์ทั้งกายวาจาและใจ

มิมบัรออนไลน์

คุตบะห์วันศุกร์ 13 ซุ้ลฮิจญะห์ 1431 (วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553)

เป็นมุสลิมให้สมบูรณ์ทั้งกายวาจาและใจ

الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

الَّذِينَ إِنْ مَكَّنَّاهُمْ فِي الأرْضِ أَقَامُوا الصَّلاةَ وَآتَوُا الزَّكَاةَ وَأَمَرُوا بِالْمَعْرُوفِ وَنَهَوْا عَنِ الْمُنْكَرِ وَلِلَّهِ عَاقِبَةُ الأمُورِ

اللَّهُ لَطِيفٌ بِعِبَادِهِ يَرْزُقُ مَنْ يَشَاءُ وَهُوَ الْقَوِيُّ الْعَزِيزُ

مَنْ كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ الآخِرَةِ نَزِدْ لَهُ فِي حَرْثِهِ وَمَنْ كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ الدُّنْيَا نُؤْتِهِ مِنْهَا وَمَا لَهُ فِي الآخِرَةِ مِنْ نَصِيبٍ

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لا تُلْهِكُمْ أَمْوَالُكُمْ وَلا أَوْلادُكُمْ عَنْ ذِكْرِ اللَّهِ وَمَنْ يَفْعَلْ ذَلِكَ فَأُولَئِكَ هُمُ الْخَاسِرُونَ

وَأَنْفِقُوا مِنْ مَا رَزَقْنَاكُمْ مِنْ قَبْلِ أَنْ يَأْتِيَ أَحَدَكُمُ الْمَوْتُ فَيَقُولَ رَبِّ لَوْلا أَخَّرْتَنِي إِلَى أَجَلٍ قَرِيبٍ فَأَصَّدَّقَ وَأَكُنْ مِنَ الصَّالِحِينَ

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

การปฏิบัติศาสนกิจที่ผ่านพ้นไป คือการบำเพ็ญหัจญ์ ซึ่งได้สิ้นสุดลงในวันนี้แล้ว แต่มิได้หมายความว่าหน้าที่ของมุสลิมซึ่งเป็นศาสนิกชนนั้นหาได้หมดลงไปไม่ การบำเพ็ญหัจญ์ จึงเป็นการเริ่มต้น การปฏิบัติที่เน้นย้ำถึงความสำคัญการยำเกรงต่อพระองค์ ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำเตือนตนเองและท่านทั้งหลายจงยึดมั่นและยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้มาก การเฉลิมฉลองและการแสดงออกถึงการตอบรับพระบัญชาแห่งพระองค์ การเชือดสัตว์พลีในวันอีดิ้ลอัดฮาและวันตัสรีก นั้น เป็นเสมือนหนึ่งการกระทำเชิงสัญลักษณ์ ที่มีจุดมุ่งหมายและให้ความสำคัญแด่พระองค์ เพราะการเชือดสัตว์พลีนั้น สำหรับพระองค์แล้วคือความยำเกรงที่มีต่อพระองค์ ส่วนเลือดสัตว์ ขนของมัน และเนื้อของมัน นั่นคือผลแห่งความเมตตาของพระองค์สำหรับผู้ที่มุ่งมั่นด้วยความยำเกรงต่อพระองค์ ซึ่งผลทวีคูณตามปริมาณเลือด และขนของมัน ส่วนเนื้อของมันคือความโปรดปราณที่เราทั้งหลายจะได้แบ่งปันให้กับผู้ที่มีสิทธิ์รับซ่ากาต และสำหรับคนทั่วไปที่จะได้ลิ้มรสแห่งความมีสิริมงคล เพื่อที่เราทั้งหลายจะได้เกิดความยำเกรงต่อพระองค์ บนสภาพที่เราทั้งหลายได้ลิ้มรสของเนื้อสัตว์ที่ทำการเชือดพลี

ท่านทั้งหลาย

ภารกิจของเราทั้งหลายมิได้จบสิ้นลงเพียงเท่านั้น ภารกิจของทุกๆ คนไม่มีวันจบสิ้นหากเขายังมีลมหายใจอยู่ การดิ้นรนต่อสู้ตามภารกิจของตน ดังนั้น เราจึงต้องสำรวมตนเอง สำรวมจิตใจใส่ใจในกิจกรรมทั้งกิจกรรมในการดำรงชีพ และกิจกรรมในศาสนกิจแห่งผู้ศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งเราต้องมุ่งมั่นและเล็งเห็นผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินศาสนกิจของเราด้วยความมุ่งมั่น เพราะในที่สุดแล้วเราทั้งหลายต่างต้องกลับไปยังพระองค์ พร้อมด้วยข้อมูลแห่งการกระทำในช่วงที่เรายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่เราต้องนำกลับไปรายงานพระองค์ในวันแห่งการตัดสิน ดังนั้น แม้ว่าในคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของพระองค์ เป็นสิ่งที่เราต้องมุ่งมั่นกระทำให้บรรลุซึ่งจุดมุ่งหมาย หากแต่เราต้องมั่นทบทวนในกิจการทั้งหลายของเราอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะการปฏิบัติและจิตสำนึกแห่งการศรัทธา ต้องเป็นไปในทำนองเดียวกัน แม้ว่าในการกระทำของเราหากจิตใจของเราไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติ เช่นนี้แล้ว กิจกรรมนั้นจะไม่ถูกตอบรับจากพระองค์ แน่นอนว่ากิจกรรมนั้น อาจเป็นโมฆะหรือสูญเปล่าไร้ค่าไม่มีราคาสำหรับพระองค์ ดังนั้น วันนี้การปฏิบัติของเราจึงต้องพิจารณาดูให้ดีว่าเราได้ให้ความสำคัญในหน้าที่ของเราอย่างไรบ้าง เรามีความจริงใจใส่ใจในการกระทำของเรามากหรือน้อยเพียงใด แม้เราได้รับการรับรองถึงการปฏิบัติอันเป็นสัญลักษณ์ ของการเป็นมุสลิม แต่ภายในจิตใจของเรามิได้ใส่ใจถึงความยำเกรงที่มีต่อพระองค์แล้ว เช่นนี้ การงานที่เราปฏิบัติจะเป็นการงานที่พระองค์ไม่ทรงตอบรับ เราจึงต้องมุ่งเน้นคุณค่าและความสำคัญในแต่ละศาสนกิจของเราให้มาก โดยที่การมุ่งมั่นกระทำของเรานั้น ต้องครบถ้วนและสมบูรณ์ ทั้งเนื้อหาทางจิตใจและวาระในการกระทำ โดยที่เราต้องให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้และการปฏิบัติให้มีความถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งเนื้อหาและจุดมุ่งหมายแห่งการกระทำนั้นๆ ดังนั้นเราจึงต้องมุ่งมั่นในการกระทำและออกห่างไกลจากความเป็นผู้สับสนในการปฏิบัติที่การกระทำและสภาวะทางจิตใจที่คลาดเคลื่อน หรือหลงผิดในหลักการศรัทธาและแนวทางปฏิบัติสำหรับมุสลิม เพราะในบางครั้งการปฏิบัติของเราอาจผิดพลาดคลาดเคลื่อนหรือไปสอดรับกับอะกีดะห์ของชนศาสนิกอื่นที่มีแนวปฏิบัติแตกต่างจากการปฏิบัติของมุสลิม เช่น การเชือดสัตว์ กับการแสดงอกถึงความเมตตาต่อสัตว์ การใช้ชีวิตในสังคมที่มีเพื่อนที่มีความแตกต่างกันทางด้านศาสนาและมีแนวปฏิบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้วิชาการทางศาสนา เพื่อหาคำตอบในเรื่องที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับตนเองและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายได้ตระหนักถึงความสำคัญและข้อแตกต่างที่อาจเป็นข้อขัดแย้งได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการปฏิบัติศาสนกิจที่แตกต่างกัน เพื่อให้การปฏิบัติของเราไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ไม่สับสนและปะปนในหลักการของเรากับของเขา ทั้งนี้เพื่อที่แต่ละคนจะได้ดำเนินชีวิตไปในกรอบและแนวทางศรัทธาที่ไม่ผิดเพี้ยนสับสนและปะปนกันในแนวปฏิบัติและความแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักการศรัทธาที่เราต้องตรึกตรองอย่างเคร่งครัด ดังนั้น จุดมุ่งหมายแห่งการปฏิบัติของอิสลาม หาใช่มีแนวปฏิบัติที่ยอมรับความหลากหลาย หรือเปลี่ยนไปตามกระแส หากแต่การปฏิบัติของมวลมุสลิมเน้นถึงการปฏิบัติที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความยำเกรงต่อพระองค์ ในข้อห้ามและข้อใช้ของพระองค์ ตามตัวบทแห่งโองการ Al-Qur'an, 022.041 (Al-Hajj [The Pilgrimage]) ความว่า

022.041 الَّذِينَ إِنْ مَكَّنَّاهُمْ فِي الأرْضِ أَقَامُوا الصَّلاةَ وَآتَوُا الزَّكَاةَ وَأَمَرُوا بِالْمَعْرُوفِ وَنَهَوْا عَنِ الْمُنْكَرِ وَلِلَّهِ عَاقِبَةُ الأمُورِ

022.041 (They are) those who, if We establish them in the land, establish regular prayer and give regular charity, enjoin the right and forbid wrong: with Allah rests the end (and decision) of (all) affairs.

[22.41] บรรดาผู้ที่เราให้พวกเขามีอำนาจในแผ่นดิน คือบรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาด และบริจาคซะกาตและใช้กันให้กระทำความดี และห้ามปรามกันให้ละเว้นความชั่ว และบั้นปลายของกิจการทั้งหลายย่อมกลับไปหาอัลลอฮ์

ดังนั้น เราจึงต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ถึงบั้นปลายหรือจุดหมายปลายทางของเราที่ต้องกลับไปยังพระองค์นั้น เรามีสิ่งใดบ้างที่จะแสดงเป็นหลักฐานหรือข้อยืนยันที่ชัดเจนในความยำเกรงต่อพระองค์ กระนั้นก็ตาม การแสวงหาความโปรดปราณ การที่เราจะได้ใกล้ชิดต่อพระองค์ นั้น บทบาทและความสำคัญในการปฏิบัติทั้งกายวาจาและใจนั้นเราต้องสยบหรือยอมมอบหมายแด่พระองค์ทั้งสิ้น ทั้งชีวิตของเราเราต้องบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ ซึ่งหากพิจารณาถึงสภาพการเกิดของเรา ขณะที่เราเกิดมาเราไม่ได้เอาอะไรติดตัวออกมาเลยแม้แต่น้อย ร่างกายและจิตวิญญาณที่พระองค์ทรงให้มา เรามีสติปัญญาที่จะใช้ในการคิดพินิจพิจารณาถึงความดีความชั่วความถูกความผิดการแยกแยะเรื่องราวต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้างหรือได้กำหนดมาให้เราได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองอย่างรอบครอบว่าสิ่งเหล่านั้นเกิด ตั้งอยู่และสูญสลายไปนั้น กฎเกณฑ์ต่างๆที่ถูกกำหนดขึ้นนั้น ใครคือผู้ที่เป็นศูนย์กลางแห่งสรรพสิ่งทั้งหลาย ใครที่เป็นผู้สร้าง ผู้ให้ ที่มีความเมตตากรุณาปราณีอย่างแท้จริงให้กับมวลมนุษยชาติ และมนุษย์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์จากการสร้างของพระองค์ มนุษย์คืนกลับให้กับพระองค์อย่างไร หรือว่ามนุษย์ไม่ได้ใช้สติปัญญาวินิจฉัยเรื่องราวต่างๆ แล้วได้คำตอบที่คลาดเคลื่อน จนลืมมองถึงความเมตตาของพระองค์ จากโองการ Al-Qur'an, 042.019-020 (Ash-Shura [Council, Consultation]) ความว่า

042.019 اللَّهُ لَطِيفٌ بِعِبَادِهِ يَرْزُقُ مَنْ يَشَاءُ وَهُوَ الْقَوِيُّ الْعَزِيزُ

042.019 Gracious is Allah to His servants: He gives Sustenance to whom He pleases: and He has power and can carry out His Will.

[42.19] อัลลอฮ์ทรงเอ็นดูต่อปวงบ่าวของพระองค์ ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ

042.020 مَنْ كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ الآخِرَةِ نَزِدْ لَهُ فِي حَرْثِهِ وَمَنْ كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ الدُّنْيَا نُؤْتِهِ مِنْهَا وَمَا لَهُ فِي الآخِرَةِ مِنْ نَصِيبٍ

042.020 To any that desires the tilth of the Hereafter, We give increase in his tilth, and to any that desires the tilth of this world, We grant somewhat thereof, but he has no share or lot in the Hereafter.

[42.20] ผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของปรโลกเราจะเพิ่มผลตอบแทนของเขาแก่เขา และผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของโลกดุนยา เราจะให้แก่เขาบางส่วนในสิ่งนั้น และสำหรับเขาจะไม่ได้ส่วนใดอีกในปรโลก

ซึ่งมนุษย์ซึ่งปรารถนาความสุข ความสะดวกสบายต่างๆ นั้น เราพึงสังวร และคิดถึงการสร้างของพระองค์ ปัจจัยยังชีพทั้งหลาย ความสุขสบายที่เราได้รับ ล้วนมาจากพระองค์แทบทั้งสิ้น นั่นคือความปรารถนาดีของพระองค์ที่มีมายังมวลมนุษยชาติ แต่บางครั้งมนุษย์ทั้งหลายอาจลืมถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ลืมถึงการสร้างของพระองค์ เพราะความสุขสบายที่เขาได้รับ บางครั้งสติปัญญาของมนุษย์มีความคับแคบ มองเลือนลานไปว่า นั่นเป็นเพราะความสามารถของตัวเขาเอง เป็นการดลบันดาลจากสิ่งศักดิ์ที่ไม่มีตัวตน เป็นความภูมิใจ ความหยิ่งยะโสโอหังอันสืบเนื่องมาจากความคิดและความเพียรพยายามของเขาที่สร้างสรรพสิ่งอันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแก่เขาจากความสามารถของตัวเขาเอง กระนั้นหรือ เพราะหากเขายำเกรงต่อพระองค์ ใส่ใจในรางวัลที่พระองค์มอบให้ แล้วมองภาพความปรารถนาดีของพระองค์ที่มีต่อเขาทั้งหลายแล้ว แน่นอนว่า มนุษย์นั้นไม่มีใครที่มีความสามารถที่จะได้รับวัตถุปัจจัยในการดำรงชีพได้เลย หากพระองค์ไม่ทรงเมตตาและพระองค์ไม่ได้ทดสอบเขาในเรื่องราวต่างๆ นั้น ดังนั้น เราจึงควรมองดูคนในปกครอง คนที่ต่ำต้อยกว่า คนที่รอคอยปัจจัยยังชีพที่เขาไร้ความสามารถ และรอคอยการช่วยเหลือจากเรา ซึ่งหากเราเปิดใจกว้างและพร้อมในสิ่งที่พระองค์ ทรงชี้นำแล้ว แน่นอนว่า เราได้ยอมรับการทดสอบจากพระองค์ด้วยความยำเกรง ขอให้พิจารณาโองการจากอัลกุรอ่าน Al-Qur'an, 063.009-010 (Al-Munafiqoon [The Hypocrites]) ความว่า

063.009 يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لا تُلْهِكُمْ أَمْوَالُكُمْ وَلا أَوْلادُكُمْ عَنْ ذِكْرِ اللَّهِ وَمَنْ يَفْعَلْ ذَلِكَ فَأُولَئِكَ هُمُ الْخَاسِرُونَ

063.009 O ye who believe! Let not your riches or your children divert you from the remembrance of Allah. If any act thus, the loss is their own.

[63.9] โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย อย่าให้ทรัพย์สินของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้าหันเหพวกเจ้าจากการ

รำลึกถึงอัลลอฮ์ และผู้ใดกระทำเช่นนั้น ชนเหล่านั้นคือพวกที่ขาดทุน

063.010 وَأَنْفِقُوا مِنْ مَا رَزَقْنَاكُمْ مِنْ قَبْلِ أَنْ يَأْتِيَ أَحَدَكُمُ الْمَوْتُ فَيَقُولَ رَبِّ لَوْلا أَخَّرْتَنِي إِلَى أَجَلٍ قَرِيبٍ فَأَصَّدَّقَ وَأَكُنْ مِنَ الصَّالِحِينَ

063.010 and spend something (in charity) out of the substance which We have bestowed on you, before Death should come to any of you and he should say, "O my Lord! why didst Thou not give me respite for a little while? I should then have given (largely) in charity, and I should have been one of the doers of good".

[63.10] และจงบริจาคจากสิ่งที่เราได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อนที่ความตายจะเกิดขึ้นแก่ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า

แล้วเขาก็จะกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ มาตรว่าพระองค์ท่านทรงผ่อนผันให้แก่ข้าพระองค์อีกชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาค และข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย (ผู้ทรงคุณธรรม)

กระนั้นก็ตาม สัญลักษณ์ในการแสดงออกถึงความเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์ นั้น มิใช่เพียงแค่ชื่อ นามสกุล หรือบิดามารดา วงศ์ตระกูลเท่านั้น แท้จริงแล้ว อยู่ที่การปฏิบัติ และความยำเกรงต่อพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชี้นำเราจากโองการแห่งอัลกุรอ่านที่ได้หยิบยกมาข้างต้น แล้ว การสนองตอบพระบัญชาใช้และห้ามของพระองค์ รวมถึงการสนองตอบต่อการทดสอบจากพระองค์ อาจกล่าวได้ว่า การเป็นมุสลิมนั้นเราต้องเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ที่แสดงออกมาด้วยกายวาจาและใจ หาใช่แสดงออกเพียงรูปแบบหรือเพียงบางส่วนแล้วซ่อนหรือเคลือบแคลงการปฏิบัติหรือความคิดในบางส่วนเอาไว้ ในปัจจุบัน จะเห็นว่า บางครอบครัว ต้อนรับมุสลิมใหม่กันเป็นจำนวนมาก อาจเป็นการกระทำที่เลียนแบบกัน แล้วเขาที่เข้ามาใหม่รวมทั้งลูกๆ ของเราที่เป็นคนมุสลิมกันตั้งแต่เกิด เราตระหนักถึงความสำคัญในการเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์แบบกันบ้างหรือไม่ เรายำเกรงต่อพระองค์มากเพียงใด การปฏิบัติของเราสอดคล้องกับความเป็นมุสลิมมากน้อยเพียงใด และการที่เราต้อนรับเขาเหล่านั้นเรายินดีปรีดาต่อการที่เขาเหล่านั้นเข้ามาในครอบครัวของเรา มีการสร้างทายาทรุ่นต่อๆ ไป แล้วเด็กพันทางเหล่านั้น น้อมยอมรับความเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์แบบหรือจะครึ่งๆ กลาง ๆ ตามที่พ่อแม่ของเขาเป็นตัวอย่างผิดๆ ถูกๆ ให้เขาดู วันอีดิ้ลฟิตริและอีดิ้ลอัดฮา พ่อหรือแม่ จูงลูกไปมัสยิด เสร็จแล้ว ในวันตรุษจีน วันลอยกระทง วันสงกรานต์ หรือแม้แต่วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ ทั้งแม่หรือพ่อ ต่างก็จูงเด็กๆ ไปไหว้เจ้า ไหว้ผีบรรพบุรุษ ไปทำกิจกรรมทั้งหลาย ทั้งๆ ที่ กิจกรรมเหล่านั้นเป็นกิจกรรมที่มีรูปแบบการปฏิบัติของศาสนาอื่นๆ ก็ไปกันโดยไม่ละอายใจไม่สะทกสะท้านใจในความเป็นมุสลิมกระนั้นหรือ เรายอมทำตามๆ กันได้อย่างกระนั้นหรือ คนที่เป็นปู่ ย่า ตายาย ไม่ตะขิดตะขวงใจกันบ้างหรือว่า เขาเหล่านั้นได้ขายจิตสำนึกหรือจิตวิญญาณในความเป็นมุสลิมให้กับคนเหล่านั้นแล้วเราเหนื่อยกันมามากแล้วในการที่จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นมุสลิมที่ดี แต่ด้วยความที่เรายำเกรงต่อพระองค์ เราก็พร้อมที่จะเหนื่อยล้า เพื่อที่จะสอบผ่านการทดสอบจากพระองค์ให้ได้ แล้วเรื่องอย่างนี้เราจะปล่อยปละละเลยหรือมองข้ามกันกระนั้นหรือ หรือว่าเราเห็นเพียงสัญลักษณ์ในความเป็นมุสลิมของเราเหลือไว้เพียงการไม่กินหมูที่ต้องเคร่งครัดเอาจริงเอาจังกัน แต่สัญลักษณ์อื่นๆ เรากลับลู่ไปตามลมกัน รวมถึงแง่คิดหรืออะกีดะห์ ความเชื่อของเราที่ผิดเพี้ยนคลาดเคลื่อนตามการปฏิบัติและความเชื่อเช่นเดียวกับชนศาสนิกอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องเศร้าใจมากในการปฏิบัติที่ออกนอกความจำเริญในอิสลาม ขอฝากอัลฮาดีส เพื่อเตือนสติตนเองและท่านทั้งหลาย ไว้ดังนี้

The Prophet said, "While I was sleeping, a group (of my followers were brought close to me), and when I recognized them, a man (an angel) came out from amongst (us) me and them, he said (to them), 'Come along.' I asked, 'Where?' He said, 'To the (Hell) Fire, by Allah' I asked, 'What is wrong with them?' He said, 'They turned apostate as renegades after you left.' Then behold! (Another) group (of my followers) were brought close to me, and when I recognized them, a man (an angel) came out from (me and them) he said (to them); 'Come along.' I asked, 'Where?' He said, 'To the (Hell) Fire, by Allah.' I asked, 'What is wrong with them?' He said, 'They turned apostate as renegades after you left.' So I did not see anyone of them escaping except a few who were like camels without a shepherd."

Narrated by: Abu Hurira Source: Sahih Bukhari 8.587

ขุมนรกนั้นมีไว้เฉพาะคนที่ปฏิเสธศรัทธา คนที่กระทำความผิดทั้งความผิดต่อเพื่อนมนุษย์ และความผิดต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) หากเราจะหลีกหนีความเจ็บปวดที่ถูกบรรยายมาทั้งในอัลกุรอ่าน และพระวจนะของท่านศาสดาแล้ว เราจึงต้องสำรวจตนเอง หมั่นควบคุมดูแลตนเองและคนในครอบครัว จงเป็นมุสลิมที่ดี ที่สมบูรณ์แบบทั้งกายวาจาและใจ แล้วเราพึงสังวรในความเมตตาของพระองค์ เราพึงยำเกรงต่อพระองค์และเราต้องพร้อมเสมอสำหรับการทดสอบจากพระองค์ นั่นคือการเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์แบบและนั่นคือเราสนองตอบด้วยแบบฉบับและสัญลักษณ์ในความเป็นมุสลิมอย่างแท้จริง

إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

อ้างอิง

บทความเรื่อง “การทำฮัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา” จากเวปไซด์ www.muslimthai.com ปี พ.ศ. 2543

Text Copied from DivineIslam's Qur'an Viewer software v2.9

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย http://www.alquran-thai.com/

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com www.beconvinced.com

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คุตบะห์วันอีดิ้ลอัดฮา 10 ซุ้ลฮิจญะห์ 1431 หัจญ์ : ใช้ความอดทนอดกลั้นสนองการตอบพระบัญชาของพระองค์

มิมบัรออนไลน์

คุตบะห์วันอีดิ้ลอัดฮา 10 ซุ้ลฮิจญะห์ 1431 (วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553)

หัจญ์ : ใช้ความอดทนอดกลั้นสนองการตอบพระบัญชาของพระองค์

الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَعْبُدُ اللَّهَ عَلَى حَرْفٍ فَإِنْ أَصَابَهُ خَيْرٌ اطْمَأَنَّ بِهِ وَإِنْ أَصَابَتْهُ فِتْنَةٌ انْقَلَبَ عَلَى وَجْهِهِ خَسِرَ الدُّنْيَا وَالآخِرَةَ ذَلِكَ هُوَ الْخُسْرَانُ الْمُبِينُ

الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย

“ตะกับบั้ลลอฮุมินนาว่ามิงกุ้ม”

การปฏิบัติศาสนกิจเพื่อตอบรับการเรียกร้องของพระองค์ กำลังจะสิ้นสุดลง ภายหลังการที่เหล่าบรรดาหุจญาตทั้งหลายต่างมุ่งมั่นขว้างเสาหินแห่งความชั่วร้ายทั้งสามต้นในวันหลังจากนี้อีกสามวัน นั่นย่อมเป็นการสิ้นสุดศาสนกิจที่เกี่ยวข้องกับหัจญ์ บางส่วนก็จะทยอยเดินทางกลับบ้าน บางส่วนก็รอคอยไปพร้อมๆ กับการมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจอันเป็นสุนัตเพื่อการเพิ่มพูนทวีคูณภาคผลแห่งการปฏิบัติ ดังนั้น แม้ว่าเราไม่สามารถที่จะเดินทางได้ในปีนี้ อินชาอัลลอฮ์ บางทีในปีต่อๆ ไปหากพระองค์ทรงประสงค์เราคงได้ไปบำเพ็ญหัจญ์เสมือนเขาเหล่านั้นได้เดินทางไป และการบำเพ็ญหัจญ์เฉกเช่นเดียวกับที่ท่านศาสดาอิบรอฮีมเป็นแบบอย่างและตามซุนนะห์ของท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ (ซ.ล.) ได้ปฏิบัติไว้ ขอเพียงแต่เราทั้งหลายจงตระหนักและยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้มากที่สุดและเพิ่มปริมาณความยำเกรงนี้ให้ทวีเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ตราบเท่าที่เราทั้งหลายยังมีชีวิตอยู่และเราทั้งหลายมีความอดทน รอคอยและมุ่งมั่นตรงต่อพระองค์ อย่างสม่ำเสมอ

لآالآه الالله والله اكبر الله اكبر ولله الحمد الله اكبر الله اكبر الله اكبر

ท่านทั้งหลาย

การบำเพ็ญหัจญ์ เป็นศาสนกิจอันยิ่งใหญ่ ที่ผู้ปฏิบัติต้องใช้ทรัพยากรในสัดส่วนที่มากกว่าการปฏิบัติศาสนกิจอื่นๆ นอกจากนี้แล้ว ยังใช้ความอดทนอดกลั้น การรอคอย การรักษาเวลาและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ อย่างสงบและจดจ่อไปกับกิจกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการรบกวนคนอื่นๆ อาจกล่าวได้ว่า การบำเพ็ญหัจญ์ นั้น สิ่งสำคัญคือ เป็นการทดสอบถึงการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ โดยที่เราและเขาเหล่านั้นไม่เบียดเบียนกัน และทุกๆ คน ต่างมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจของตนเองโดยที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับคนอื่นๆ แม้ว่าเรากับเขาเหล่านั้นจะไม่รู้จักกันมาก่อน เรากับเขามีฐานะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่เหมือนกันในขณะนั้น คือ เราต่างมาบำเพ็ญหัจญ์สนองตอบการเรียกร้องของพระองค์ เราต่างมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจตามแนวทางซุนนะห์ของท่านศาสดาด้วยความยำเกรงต่อพระองค์ เราต่างมุ่งมั่นเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนรอนแรมมาเพื่อปฏิบัติศาสนกิจเช่นเดียวกัน และการปฏิบัติศาสนกิจเยี่ยงนี้ ทุกๆ คนไม่มีความแตกต่างกัน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะได้รับหัจญ์ที่พระองค์ทรงตอบรับ เป็นหัจญ์ที่ได้รับเกียรติจากพระองค์ ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติเหล่านั้นมีความมุ่งมั่นมากน้อยเพียงใด และความมุ่งมั่นมากน้อยเพียงใด และความมุ่งมั่นของเขาเหล่านั้น แสดงออกมาทางพฤติกรรมเช่นไรบ้าง ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ความแตกต่างในผลที่เขาเหล่านั้นจะได้รับขึ้นอยู่กับลำดับขั้นแห่งความมุ่งมั่นในการปฏิบัติของเขา ความอดทนอดกลั้นที่เขาเหล่านั้นมีเพียงใดบ้าง การบำเพ็ญหัจญ์ หาใช่ว่าเป็นการกระทำทุกขกิริยา แต่การสนองตอบพระบัญชาแห่งพระองค์นั้น คือ ทุกๆ กิจกรรมของการบำเพ็ญหัจญ์ ผู้ปฏิบัติต้องพินิจพิเคราะห์และพิจารณาถึงการกระทำหรือกิจกรรมเหล่านั้นคือการแสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระองค์ หาใช่ความสนุกสนานที่จะดำเนินกิจกรรมต่างๆให้ครบๆ ไปตามจำนวนที่กำหนด ในบางกิจกรรมเช่น การข้างเสาหินทั้งสามต้น เป็นการกระทำในเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงการเอาชนะใจตนเอง เอาชนะชัยตอนมารร้ายที่มาล่อลวงให้เกิดความความไขว้เขวต่อแนวทางปฏิบัติที่สนองตอบความยำเกรงต่อพระองค์ หรือในการครองเอี๊ยะรอม ซึ่งมีข้อจำกัดการปฏิบัติหลายประการ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราทั้งหลายพึงสังวรและตอบรับคำเรียกร้องจากพระองค์ด้วยจิตที่มุ่งมั่นต่ออิบาดัรเพื่อพระองค์ และการกระทำทั้งหลายต้องไม่ขาดตกบกพร่องและสำรวมจิตใจที่มุ่งมั่นต่อพระองค์แม้ว่าหลังจากนี้ไปเราพึงสำรวมจิตใจและกระทำตนให้เล็ก หาใช่ว่าเราจะยิ่งใหญ่เหนือกว่าใครทั้งปวง เช่นนี้ เป็นการตอบรับภารกิจอันยิ่งใหญ่สำหรับพระองค์ ความมุ่งมั่นแห่งการบำเพ็ญหัจญ์ หาใช่เพียงแค่สัญลักษณ์ไม่ เพราะทุกๆ อิริยาบถแห่งหัจญ์ มีจุดมุ่งหมายที่แสดงออกถึงความยำเกรง ในขณะที่แต่ละคนมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจของตนให้เสร็จสิ้น การกระทบกระทั่งระหว่างกันย่อมมีบ้างแต่ด้วยความมุ่งมั่นของแต่ละคน ทุกๆ คนให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่มีใครโกรธเกลียดหรือบาดหมางระหว่างกัน ดังนั้น เมื่อบรรดาเหล่าหุจญาตต่างกลับสู่ที่พัก เขาเหล่านั้น ควรนำพาสิ่งที่ดีที่ได้จากการบำเพ็ญหัจญ์ไปสู่การดำเนินชีวิตของเขาด้วย การให้อภัยซึ่งกันและกัน คือสิ่งที่ต้องนำไปใช้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นภารกิจที่แต่ละคนต่างมุ่งมั่นเพื่อพระองค์

لآالآه الالله والله اكبر الله اكبر ولله الحمد الله اكبر الله اكبر الله اكبر

ท่านทั้งหลาย

การปฏิบัติศาสนกิจเพื่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) นั้น เรามุ่งมั่นด้วยจิตใจที่ภักดีต่อพระองค์ หาใช่เพียงการแสดงออกทางด้านสัญลักษณ์แต่เพียงด้านเดียวไม่ ซึ่งการแสดงออกนั้น ต้องแสดงออกทั้งกาย วาจาใจ ในทุกๆ สิ่งที่เป็นคำสั่งห้ามและคำสั่งใช้จากพระองค์ เราไม่เลือกการปฏิบัติเพียงเฉพาะบางด้านที่เราเห็นเป็นประโยชน์โดยงดเว้นการปฏิบัติในบางเรื่องที่เราขัดข้องหรือเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ หรือการออกห่างในบางเรื่องที่เราขัดข้องไม่สอดข้องกับผลประโยชน์ที่เราพึงได้รับ สิ่งต่างๆเหล่านี้หาใช่แนวปฏิบัติของผู้ศรัทธาไม่ ขอให้พิจารณาจากโองการ Al-Qur'an, 022.011 (Al-Hajj [The Pilgrimage]) ความว่า

022.011 وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَعْبُدُ اللَّهَ عَلَى حَرْفٍ فَإِنْ أَصَابَهُ خَيْرٌ اطْمَأَنَّ بِهِ وَإِنْ أَصَابَتْهُ فِتْنَةٌ انْقَلَبَ عَلَى وَجْهِهِ خَسِرَ الدُّنْيَا وَالآخِرَةَ ذَلِكَ هُوَ الْخُسْرَانُ الْمُبِينُ

022.011 There are among men some who serve Allah, as it were, on the verge: if good befalls them, they are, therewith, well content; but if a trial comes to them, they turn on their faces: they lose both this world and the Hereafter: that is loss for all to see!

11. และในหมู่มนุษย์บางคน มีผู้เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺบนขอบทางของศาสนา (เป็นการเปรียบเทียบสำหรับผู้ที่ไม่มีความแน่นอน ไม่เคารพภักดีอัลลอฮ์ด้วยความมั่นใจ แต่ทำด้วยความกังวลและปั่นป่วนไม่แน่นอน เสมือนกับกองทหารที่อยู่ริมทาง ถ้าเขามีความรู้สึกว่าจะชนะหรือจะได้ทรัพย์สมบัติของฝ่ายตรงข้าม เขาก็จะรีบเข้าไป มิฉะนั้นแล้วก็จะเปิดหนีไป อัลหะซันกล่าวว่า บุคคลประเภทนี้คือมุนาฟิกหรือคนสับปลับ ที่เคารพอิบาดะฮ์พระองค์ด้วยลิ้นของเขา มิใช่ด้วยจิตใจของเขา) หากความดีประสบแก่เขา เขาก็พออกพอใจต่อสิ่งนั้น หากความทุกข์ยากประสบแก่เขา เขาก็จะผินหน้าของเขากลับสู่การปฏิเสธ เขาขาดทุนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า นั่นคือการขาดทุนอย่างชัดแจ้ง

ดังนั้น บรรดาคนสัพปลัก คนที่ไม่จริงใจต่อการปฏิบัติเพื่อสนองตอบคำบัญชาของพระองค์ เขาเหล่านั้นต่างท้าทายต่อคุณค่าและความดีงามจากพระองค์ เช่นนี้แล้ว เขาเหล่านั้นอยู่ในสภาพของผู้ที่ขาดทุนในกิจการต่างๆ แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีในปัจจุบันแต่ในวันแห่งการตัดสินของพระองค์แล้ว เขาเหล่านั้นย่อมอยู่ในสภาพที่น่าเวทนายิ่ง ซึ่งในวันนี้ความอหังการของเขาเหล่านั้น ความเหิมเกริมต่อความปรารถนาดีต่อพระองค์และด้วยการทดสอบอันยิ่งใหญ่จากพระองค์ มันไม่มากพอที่จะทำให้เขาเหล่านั้น ไม่มีความมุ่งมั่นที่จะสนองตอบคำเชิญชวนจากพระองค์แม้ว่าพระองค์จะทรงตอบรับคำวิงวอนที่ดีงามจากเขาเหล่านั้น หากแต่เขาต่างเฉยเมยต่อคำเรียกร้องจากพระองค์ ดังนั้น สำหรับพระองค์แล้วเขาไม่มีคุณค่าและความสำคัญสำหรับพระองค์อีกเลย ถึงแม้ว่าในวันนี้เขาจะเป็นคนสำคัญและมีความยิ่งใหญ่เป็นที่นับหน้าถือตาทางสังคมก็ตาม แต่ผลงานที่ต้องนำไปแสดงต่อพระองค์แล้วคุณค่าของมันติดลบหรือไม่มีผลแต่ประการใดก็ตาม ดังนั้น ผลงานแห่งการบำเพ็ญหัจญ์นั้น ไม่ว่าผู้บำเพ็ญหัจญ์จะเป็นใคร มีตำแหน่งแห่งหนยิ่งใหญ่สักเพียงใดก็ตาม ทุกๆ คนมีความสำคัญต่อพระองค์เท่าเทียมกัน แม้ว่าแต่ละคนมีมูลค่าที่แตกต่างกัน แต่มูลค่าเพิ่มของแต่ละคนแตกต่างกันที่การปฏิบัติตนและความศรัทธาความยำเกรงต่อพระองค์ ซึ่งทุกๆ คน มีแตกต่างกัน ดังนั้น การปฏิบัติของแต่ละคน คือผลงานของเขาที่มุ่งมั่นต่อพระองค์ ไม่มีใครที่จะแทรกแซงกิจการของใครได้เลย ดังนั้น สำหรับมุสลิมทั้งหลายแล้ว การปฏิบัติของเขาย่อมส่งผลต่อเขา และการเสแสร้งหรือแกล้งปฏิบัติของใครก็ตามแต่ในจิตใจจริงของเขาเหล่านั้นมิได้มีจิตใจมุ่งตรงต่อกิจกรรมเพื่อพระองค์แล้วไซร้ แน่นอนว่าผลการปฏิบัติของเขาย่อมติดลบ ขาดทุน ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงโดยที่เขาไม่ได้มีจิตใจมุ่งตรงต่อพระองค์แต่อย่างใด หากแต่เขาเพียงมุ่งแต่ประโยชน์เพียงเฉพาะหน้าเท่านั้น หาใช่ประโยชน์ที่มากกว่าเพื่อพระองค์

لآالآه الالله والله اكبر الله اكبر ولله الحمد الله اكبر الله اكبر الله اكبر

ท่านทั้งหลาย

วันอีดิ้ลอัดฮา คือวันแห่งการเฉลิมฉลอง ภายหลังจากที่เราได้ตอบรับคำเรียกร้องของพระองค์ในเรื่องหัจญ์ การเชือดสัตว์พลีเพื่อพระองค์ โดยเฉพาะการเชือดพลีของท่านศาสดาอิบรอฮีม เป็นความยำเกรงต่อพระองค์ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะท่านศาสดาอิบรอฮีม การเชือดพลีของท่านเป็นสิ่งที่ท่านต้องข่มใจเป็นอย่างมาก กล่าวคือเป็นความข่มใจที่ต้องพลีบุตรชายอันเป็นสุดที่รักของท่าน แลกเปลี่ยนกับการแสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายความรู้สึกในความรักความห่วงหาอาทรเพื่อสนองตอบพระบัญชาแห่งพระองค์ การข่มใจต่อความรู้สึกลึกๆ อันต้องสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักยิ่ง เป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์ธรรมดาหากจิตใจที่มุ่งมั่นมุ่งตรงต่อพระองคืแล้วจะไม่สามารถข่มความรู้สึกทางด้านจิตใจได้เลย เช่นกันในความรู้สึกของผู้ที่เป็นลูกชาย (อิสมาอีล) แล้ว หากเขาไร้ซึ่งความศรัทธาและความยำเกรงต่อพระองค์แล้ว ความกลัว ความรู้สึกสะท้านในจิตใจ ย่อมไม่ตอบสนอง และหลบหนีจากไป แต่สำหรับทั้งสองท่านแล้ว ความยำเกรงต่อพระองค์ มีมากกว่า และการบัญชาใช้เพื่อพระองค์สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ดังนั้น เมื่อถึงกำหนดเวลาที่รอคอยแล้ว สภาพจิตใจของทั้งสองคน ความหดหู่ การข่มใจ ข่มความรู้สึก หากจิตใจที่ไม่มั่นคง หรือวอกแวกจากแนวทางอันเที่ยงตรงแล้ว แน่นอนย่อมทำใจได้อย่างยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับทั้งสองท่าน ความมั่นคง ความยินดี เพื่อเป็นการสนองตอบความยำเกรงสำหรับพระองค์ อยู่เหนือความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ซึ่งพระองค์ทรงตอบรับโดยการแลกเปลี่ยนด้วยสัตว์พลีที่สวยงาม เป็นชัยชนะที่มีเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น สภาพจิตใจภายหลังจากปรับเปลี่ยนความรู้สึก คราบน้ำตาและรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความยินดี นั่นคือความเมตตากรุณาที่พระองค์ทรงตอบรับในอิบาดัรอันยิ่งใหญ่แห่งพระองค์ ดังนั้น การปฏิบัติในช่วงเวลาต่อมา คือการเชือดสัตว์พลี (กุรบ่าน) เพื่อสนองตอบต่อพระองค์ เป็นการปฏิบัติตามซุนนะห์ของท่านศาสดาอิบรอฮีมโดยมีรูปแบบการปฏิบัติของท่านศาสดา (ซ.ล,) ซึ่งเป็นอิบาดัรอันหนึ่งที่มีความสำคัญที่มุ่งตรงตอบสนองความยำเกรงต่อพระองค์ ขอให้พิจารณาโองการ Al-Qur'an, 006.162-163 (Al-Anaam [Cattle, Livestock]) ความว่า

006.162 قُلْ إِنَّ صَلاتِي وَنُسُكِي وَمَحْيَايَ وَمَمَاتِي لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

006.162 Say: "Truly, my prayer and my service of sacrifice, my life and my death, are (all) for Allah, the Cherisher of the Worlds:

162. จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า แท้จริงการละหมาดของฉัน และการอิบาดะฮ์(*1คำว่า อิบาดะฮ์ซึ่งแปลมาจากคำว่า นุซุกนั้น มีความหมายกว้างขวางมาก กล่าวคือการปฏิบัติทุกอย่างตามบัญญัติศาสนานั้นเรียกว่าอิบาตะฮ์ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้คำว่านุซุกในบางครั้งก็ถูกใช้ไปในความหมายของข้อปฏิบัติแต่ละอย่างในพิธีฮัจญ์ และบางทีก็ใช้ไปในความหมายว่า การเชือดเพราะข้าปฏิบัติในพิธีฮัจญ์ก็ดีและการเชือดก็ดีล้วนแต่เป็นอิบาดะฮ์ทั้งสิ้น)ของฉัน และการมีชีวิตของฉัน และการตายของฉันนั้นเพื่ออัลลอฮ์ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลกเท่านั้น

006.163 لا شَرِيكَ لَهُ وَبِذَلِكَ أُمِرْتُ وَأَنَا أَوَّلُ الْمُسْلِمِينَ

006.163 No partner hath He: this am I commanded, and I am the first of those who bow to His will.

163. ไม่มีภาคีใด ๆ แก่พระองค์ และด้วยสิ่งนั้นแหละข้าพระองค์ถูกใช้ และข้าพระองค์คือคนแรกในหมู่ผู้สวามิภักดิ์ทั้งหลาย

นั่นคือการปฏิบัติศาสนกิจทั้งหลาย ผู้ศรัทธามุ่งตรงต่อพระองค์อย่างแท้จริง การแสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระองค์ การปฏิบัติ ทั้งกิริยา วาจา และจิตใจ ย่อมมุ่งมั่นมุ่งตรงต่อพระองค์โดยแท้ หาใช่การปฏิบัติเพื่อแสวงหาสิ่งอื่นนอกจากพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติศาสนกิจใดๆ เราไม่สามารถตั้งภาคีอื่นใดเทียบเคียงพระองค์ได้ และจิตมุ่งมั่นของเราหาใช่การแสวงหาสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากพระองค์ ดังนั้น ในการเชือดสัตว์พลี หาใช่เป็นการแสวงหาความทุกข์ยากให้กับบรรดาสัตว์พลี หรือเป็นความสนุกที่ได้เชือดบรรดากุรบ่านเหล่านั้น แต่นั่นคือ ทุกๆ เลือดเนื้อ ทุกๆ เส้นขนของมัน เป็นการแสวงหาความโปรดปราณต่อพระองค์ เนื้อของสัตว์เหล่านั้น มีบ่ารอกัต มีความดี เหนือจากสัตว์ที่เชือดเพื่อเป็นอาหารโดยปกติ ศาสนาอิสลามหาใช่แสวงหาการเบียดเบียนต่อสัตว์เหล่านั้น การเชือดโดยที่ให้มันตายลงอย่างเฉียบพลันและนำชิ้นส่วนของมันมาเป็นอาหารมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่มีสิทธิ์ มีคำนิยามที่แตกต่างจากคำว่าการทรมานสัตว์อย่างสิ้นเชิง ความสำรวมที่มีในจิตใจ ความยำเกรง ความภักดีต่อพะองค์ คือจุดมุ่งหมายปลายทางแห่งการเชือดสัตว์พลีเหล่านั้น หาใช่เป้นเพียงความสนุกหรือเกมแห่งการไล่ล่าสัตว์สนองตอบความสุขเช่นพวกบางพวกไม่ ซึ่งคุณค่าของมันนั้นย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเชือดสัตว์เป็นพลีทาน มีปรากฏในโองการ Al-Qur'an, 108.001-003 (Al-KauTher [Abundance, Plenty]) ความว่า

108.001 إِنَّا أَعْطَيْنَاكَ الْكَوْثَرَ

108.001 To thee have We granted the Fount (of Abundance).

1. แท้จริงเราได้ประทานอัลเกาซัรแก่เจ้าแล้ว (3 อายาตนี้ถูกประทานลงมาเป็นการเฉพาะแต่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นการปลอบโยนแด่ท่าน คือหลังจากบุตรชายของท่านชื่อ อัลกอเซ็มได้สิ้นชีวิต อัลอ๊าศอิบนฺ วาอิ้ลได้กล่าวว่า จงปล่อยเขา (นะบี) เพราะเขาเป็นคนที่ถูกตัดขาดคือ ไม่มีใครที่จะสืบตระกูลต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นซูเราะฮฺนี้จึงถูกประทานลงมาเป็นการตอบโต้แก่อัลอ๊าศว่า เขานั้นคือผู้ถูกตัดขาดจากความเมตตาของอัลลอฮฺถึงแม้ว่าเขาจะมีบุตรหลานมากมายก็ตาม และเป็นการแจ้งข่าวดีแก่ท่านและประชาชาติของท่าน ด้วยแม่น้ำอัลเกาซัร ซึ่งเป็นแม่น้ำในสวนสวรรค์ ริมฝั่งทั้งสองของแม่น้ำมีรสหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง และมีสีขาวยิ่งกว่าน้ำแข็ง ณ ที่ลานชุมนุมในวันกิยามะฮฺนั้น จะมีบ่อน้ำที่มีกลิ่นหอม)

108.002 فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَانْحَرْ

108.002 Therefore to thy Lord turn in Prayer and Sacrifice.

2. ดังนั้นเจ้าจงละหมาดเพื่อพระเจ้าของเจ้าและจงเชือดสัตว์พลี (ดังนั้นด้วยความโปรดปรานอันมากมายที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่เจ้านั้น เจ้าจงขอบคุณพระเจ้าของเจ้าด้วยการละหมาด เพื่อพระเจ้าของเจ้าแต่องค์เดียวไม่มีสิ่งใดมาคู่เคียงกับพระองค์ และเจ้าจงอย่าเชือดสัตว์พลีเพื่อสิ่งอื่นจากพระองค์เป็นอันขาด และนี่คือบทเรียนเป็นการสอนแก่ประชาชาติของท่านอีกนัยหนึ่งด้วย)

108.003 إِنَّ شَانِئَكَ هُوَ الأبْتَرُ

108.003 For he who hateth thee, he will be cut off (from Future Hope).

3. แท้จริงศัตรูของเจ้านั้นเขาเป็นผู้ถูกตัดขาด (และแท้จริงผู้ที่เกลียดชังเจ้าคือ ศัตรูของเจ้าทุกกาลเวลา และทุกสถานที่นั้น คือผู้ที่ด้อยเกียรติ ผู้ที่ต่ำต้อย และเป็นผู้ที่ถูกตัดขาดจากความเมตตาของอัลลอฮฺ)

ดังนั้น ขอให้เราสำรวมและมองถึงคุณค่าแห่งสัตว์พลี (กุรบ่าน) เหล่านั้นให้มาก ซึ่งคุณค่าของมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการแสวงหา การไล่ล่า และการทรมานสัตว์ เพราะการเชือดสัตว์พลี คือบทบาทของการแสดงออกที่มุ่งมั่นและมุ่งตรงต่อพระองค์โดยแท้จริง หาใช่สิ่งอื่นใดที่แตกต่างจากแนวทางอันเที่ยงตรงจากพระองค์

لآالآه الالله والله اكبر الله اكبر ولله الحمد الله اكبر الله اكبر الله اكبر

ท่านทั้งหลาย

การบำเพ็ญหัจญ์ สนองตอบพระบัญชาแห่งพระองค์ ในการเทศนาของท่านศาสดาในหัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่าน ความเป็นห่วงของท่านศาสดาที่มีต่อบรรดาประชาชาติทั้งหลาย นั่นคือ การกระทำผิดระหว่างกัน (ฮักกุ้ลอาดัม) การละเมิดสิทธิ์ระหว่างกันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าความผิดอื่นใดทั้งสิ้น การละเมิดต่อผู้อ่อนแอ การละเมิดสิทธิ์เด็กกำพร้า ผู้หญิง และผู้อ่อนแอทั้งหลาย เป็นการละเมิดสิทธิ์ทั้งที่จงใจกระทำและเลินเล่อในการกระทำ ขอให้พิจารณาอัลฮาดีส ดังต่อไปนี้

Al-Fadl (his brother) was riding behind Allah's Apostle and a woman from the tribe of Khath'am came and Al-Fadl started looking at her and she started looking at him. The Prophet turned Al-Fadl's face to the other side. The woman said, "O Allah's Apostle! The obligation of Hajj enjoined by Allah on His devotees has become due on my father and he is old and weak, and he cannot sit firm on the mount; may I perform Hajj on his behalf?" The Prophet replied, "Yes, you may." That happened during the Hajj-al-Wida (of the Prophet ).

Narrated by: Abdullah bin Abbas Source : Sahih Al-Bukhari 2.589

ซึ่งความเสียหายของการกระทำการละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่นๆ คือหายนะอันยิ่งใหญ่ของผู้กระทำการดังกล่าวนั้น เป็นหายนะที่ผู้กระทำพึงระมัดระวังและพึงสำนึกถึงผลแห่งการกระทำดังกล่าวนั้น การล่วงเกินหรือล่วงละเมิดขอบเขตดังกล่าวเป้นการล่วงละเมิดที่เปรียบเสมือนการทำร้ายและบั่นทอนคุณค่าความดีและอามั้ลที่เราได้กระทำไป ดังนั้น ขอให้เราพึงสังวรในส่วนนี้ด้วยความมุ่งมั่นและมีจิตสำนึกที่ดีงามในการอยู่ร่วมกันโดยที่เราไม่ไปละเมิดต่อใครๆ ดุจดังการที่เราได้ไปบำเพ็ญหัจญ์ ณ แผ่นดินฮารอม เหมือนทุกๆ คนที่ได้รับหัจญ์ที่พระองค์ทรงตอบรับ

الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر الله اكبر

إِنَّ اللَّهَ وَمَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا

رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ

وَسَلامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ

وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

ว่าบิ้ลลาฮิเตาฟีก วั้ลฮิดายะห์

วัสสลาม

มูฮำหมัด สันประเสริฐ

อ้างอิง

Text Copied from DivineIslam's Qur'an Viewer software v2.9

อัลกุรอ่านฉบับภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ดำเนินการจัดพิมพ์โดยกระทรวงกิจการฮัจย์ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาเบีย

http://www.alquran-thai.com/

อัลฮาดีซ : Hadith of The Day V 1.0 Freeware by FaridAnasri avater@muslimonline.com (www.beconvinced.com